สองเดือนต่อมา...งานแต่งของนารีกับสิงขรถูกจัดขึ้นที่ไร่ไปรยาเวศท่ามกลางเหล่าคนงานในไร่และรีสอร์ตพรรณนารา ที่พากันมาร่วมอวยพร
“น้องไวน์เดินระวังๆ นะครับ” ภาคินรีบบอกเมื่อเห็นภรรยาเดินเข้าไปสวมกอดเจ้าสาว
“ค่ะ” วรันยาหันมายิ้มให้สามี ก่อนจะอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาว “ขอให้พี่นากับพี่สิงห์มีความสุขมากๆ นะคะ”
“ยินดีด้วยนะครับ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผมกับน้องไวน์” ภาคินอวยพรต่อพร้อมกับยื่นซองขาวให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาว
“ขอบคุณค่ะคุณคิน” นารีรับซองขาวที่เจ้าบ่าวส่งมาให้ถือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณมากๆ ครับนาย อ้าว! โอมอย่าเพิ่งดื่มเยอะสิ นี่เพิ่งจะ11 โมงนะ” สิงขรก้มหัวลงนิดๆ ให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะหันไปเตือนเพื่อนเจ้าบ่าวที่มีใบหน้าแดงก่ำ
“นิดหน่อยน่าพี่สิงห์” โอมฉีกยิ้มหวานให้กับทุกคนทันใด
“ผมว่าเปลี่ยนตัวเพื่อนเจ้าบ่าวยังทันนะครับ” ภาคินบอกพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทเริ่มออกอาการมึน
“ไฮ้! จะเปลี่ยนทำไมครับนาย ผมไหวครับ” คนที่กำลังได้ที่รีบยกไม้ยกมือโบกห้าม
“จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะให้มันเป็นหรอกครับ แต่รำคาญที่มันตามตื๊อไม่เลิก ขนาดผมไปเข้าห้องน้ำมันก็ยังไปนั่งเฝ้าเลยครับ” เจ้าบ่าวบอกพร้อมกับกลอกตาอย่างรู้สึกเพลียๆ พอจะเบ่งๆ ไอ้ตัวป่วนก็ถามนู่นนั่นนี่จนเขาขี้หดตดหาย ต้องขับรถหนีกลับไปเข้าห้องน้ำที่บ้านพัก
“จุ๊ๆ ให้มันเป็นเรื่องระหว่างเราได้ไหมพี่สิงห์” คนที่หน้าแดงก่ำนิดๆ บอกพลางส่งสายตาหยาดเยิ้มให้กับทุกคน
“คิกๆๆ” วรันยากับนารีพากันหัวเราะเบาๆ กับอาการของเพื่อนเจ้าบ่าวที่ดูทรงไม่น่าจะอยู่ถึงงานเลี้ยงรอบค่ำ
“ยินดีด้วยนะครับพี่สิงห์คุณนา” ขุนพันบอกพลางส่งซองขาวให้กับ เจ้าบ่าวเจ้าสาว
“ซองนี้จากผมครับ ส่วนซองนี่ของไอ้พลฝากมาครับ มันติดธุระ” แม่ทัพส่งซองแดงของตนและจอมพลไปให้
“ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณทัพ คุณขุน แล้วก็ฝากขอบคุณจอมด้วยนะคะ” นารียกมือไหว้สองหนุ่มหล่ออย่างซาบซึ้งใจที่อุตส่าห์เดินทางมาร่วมงานแต่ง
“แหม...ซองใหญ่จังนะไอ้ขุน” ภาคินเอ่ยแซวคนที่ชอบทำอะไรเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูง
“หึๆ คนอย่างฉันทำอะไรเล็กๆ ไม่เป็นว่ะ” ขุนพันบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ
“ถุย! ข้างในมี 20 บาทหรือเปล่าวะ?” แม่ทัพเบ้ปากมองบนอย่างรู้สึกหมั่นไส้จอมเว่อร์วังประจำกลุ่ม
“นั่นสิ! แกะเลยครับพี่สิงห์ ผมอยากจะเห็นเหลือเกินว่าข้างในใส่มาเท่าไหร่” ภาคินหันไปบอกเจ้าบ่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ...” สิงขรอึกอักอย่างไปไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายพูดจริงหรือแค่อยากจะหยอกเพื่อนรักเล่น
“แกะเลยครับ แกะพร้อมกันทั้งทุกคนเลย” แม่ทัพรีบเสริม
“เออ! เอาให้รู้กันไปเลยครับว่าใครใหญ่” ขุนพันบอกพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นราวกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ‘หึ! กลัวซะไหน’
“เอ่อ...งั้นผมขออนุญาตนะครับ” สิงขรหันไปหยิบซองจากเจ้าสาวคนสวยมาอย่างรู้สึกกระดากอาย เพราะตอนนี้สายตาของแขกในงานก็เหมือนจะจับจ้องมากันอย่างสนอกสนใจ
“แกะของไอ้ขุนก่อนนะครับ” แม่ทัพเอ่ยแนะ
“ได้ครับ” เจ้าบ่าววัยดึก เอ๊ย! วัย 39 ปี ยิ้มก่อนจะลงมือแกะซองสีขาวออกด้วยหัวใจสั่นๆ
“เท่าไหร่ครับ” แม่ทัพเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าบ่าวนิ่งค้างราวกับตกตะลึงในตัวเลข
“หะ...ห้าแสนครับ” สิงขรยกมือไหว้เจ้าของซองขาวก่อนจะส่งเช็คเงินสดไปให้เจ้าสาวคนสวยเก็บ
“ขอบคุณนะคะคุณขุน” นารียกมือไหว้คนหล่อใจป้ำอย่างตื้นตันใจ
“เล็กน้อยครับพี่นา” ขุนพันฉีกยิ้มกว้างให้เจ้าสาวก่อนจะหันไปยักคิ้วแบบกวนๆ ให้กับเพื่อนทั้งสอง “เป็นไง! ใหญ่พอมะ?”
“ของคุณแม่ทัพกับคุณจอมก็ห้าแสนครับ” สิงขรตาโตอีกครั้งเมื่อแกะซองแดงของสองหนุ่มออกดู
“เป็นไง ของกูกับไอ้จอมก็ไม่ได้น้อยไปกว่ามึงนะ” แม่ทัพยักคิ้วตอบอย่างรู้สึกสะใจนิดๆ เมื่อเห็นขุนพันหน้าสลดไปทันตา
“โธ่! รู้งี้กูกรอกตัวเลขเพิ่มไปเป็นหกแสนก็ดี” คนที่ไม่ชอบน้อยหน้าใครกลอกตาอย่างรู้สึกเซ็งๆ
“หึๆ แล้วของไอ้คินล่ะครับ” แม่ทัพถามต่ออย่างอยากรู้ตัวเลขของเพื่อน
“ของคุณคิน...เอ่อ...” เจ้าบ่าวส่งเช็คเงินสดอีกสองใบให้เจ้าสาว ก่อนจะหยิบซองของผู้เป็นนายมาเปิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)