ตอนพิเศษ
10 ปีต่อมา...วรันยาวัย 33 ปีที่ยังคงความสาว สวยและหุ่นแซบเอาไว้ไม่เปลี่ยน แม้ว่าปัจจุบันเธอจะมีบุตรแล้วถึงสองคน
“น้าไวน์ขา พี่ภะควรอยู่ไหมคะ?” มิรินบุตรสาวของสิงขรกับนารี วัย 7 ขวบ เอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองรอบๆ อย่างใจคอไม่ดี
“ยะ...อยู่จ้ะ” วรันยาที่กำลังปอกผลไม้ใส่จานตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“มีอะไรงั้นเหรอยัยซื่อบื้อ” คนที่กำลังนั่งเล่นเกมกดลุกเดินมาถามด้วย สีหน้าบูดบึ้งที่ถูกเรียกชื่อจริง แถมอีกฝ่ายยังจงใจเรียกผิดอีกด้วย
“ภีม! ทำไมต้องเรียกน้องแบบนั้น” วรันยาต่อว่าบุตรชายวัย 11 ปี ที่ใบหน้าถอดแบบสามีของเธอมาราวกับแกะ
“ก็แม่ไม่ได้ยินที่ยัยมิรินเรียกผมเหรอครับ” ภควรกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไรก็ดูแย่ไปหมด เพราะอายุมากกว่าคู่กรณี
“น้องยังเด็ก” วรันยาบอกพร้อมกับส่งผลไม้ที่ปอกอยู่ไปให้แม่บ้านเอาไปทำต่อ แล้วเปลี่ยนมาเป็นตัวกลางห้ามทัพแทน
“เด็กนิสัยไม่ดี” ภควรตอบกลับทันใด
“น้าไวน์ขา...ตบปากมันเลยค่ะ” มิรินรีบเข้าไปกอดซบที่แขนผู้ใหญ่แล้วชี้ไปที่ปากของคู่กรณี
“เอ่อ...” วรันยาได้ฟังก็ถึงกับสตั้นไปสามวิ
“หนอย! จะตบปากพี่งั้นเหรอ” ภควรรีบตรงเข้ามาหาอย่างโมโห
“กรี๊ดดดดด น้าไวน์ช่วยมิรินด้วยค่ะ” มิรินวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของผู้ใหญ่อย่างหาที่พึ่ง
“ภีม! ห้ามทำอะไรน้องนะ ไม่งั้นแม่จะตีเราจริงๆ ด้วย” วรันยาขู่บุตรชายที่ทำท่าทางขึงขัง
“ผมจะสั่งสอนยัยเด็กนิสัยไม่ดี” ภควรบอกพร้อมกับอ้อมไปเตรียมจะกระชากแขนของคู่กรณี
“กรี๊ดดดดด อ๊ะ!” มิรินตกใจแล้วรีบวิ่งหนีเตรียมจะไปหลบที่อื่น แต่ก็ดันสะดุดล้มเข้าซะก่อน
โครม!
“มิริน!” วรันยาเรียกเด็กสาวอย่างตกใจ
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย ไหนมาดูสิได้แผลหรือเปล่า” ภควรต่อว่าพร้อมกับอุ้มยัยม้าดีดกระโหลกขึ้นไปวางที่โซฟา
“ฮึก...ฮึก...ฮือๆๆ” คนที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แต่กลัวว่าจะถูกเจ้าชายปีศาจตีที่ก้นเหมือนครั้งก่อนๆ จึงแสร้งร้องไห้กลบเกลื่อน
“น้องเป็นอะไรหรือเปล่าภีม” วรันยาถามอย่างร้อนใจ
“มีแผลนิดหน่อยครับ” ภควรบอกก่อนจะมองค้อนคนเจ้าน้ำตา
“กรี๊ดดดด มิรินเป็นอะไรคะคุณแม่” สาวน้อยแชมเปญวัย 7 ขวบ ที่หน้าตาคล้ายกับวรันยาในวัยเด็กทุกกระเบียดนิ้ว กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนรัก นั่งร้องไห้อยู่
“มิรินหกล้มจ้ะ” วรันยาบอกบุตรสาว
“พี่ภีมทำอะไรมิรินหรือเปล่า ฮึก...” คนที่รักเพื่อนเหนือสิ่งอื่นใดถามพร้อมกับสะอื้นตาม
“บ้า! พี่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย” ภควรต่อว่าน้องสาวอย่างเคืองๆ
“ฮึก...นายภะควรวิ่งไล่ริน ฮึก...” คนที่แกล้งร้องไห้กระซิกๆ บอกเสียงสั่น
“ชื่อฉันอ่านว่า พัก-คะ-วอน ไม่ใช่ พะ-ควร ยัยซื่อบื้อ” ภควรต่อว่าก่อนจะลุกเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน
“ภีม! จะไปไหน” วรันยาถามบุตรชายอย่างเป็นห่วง
“ไปดูลูกม้าเกิดครับ ถ้ามันเป็นตัวเมียผมจะตั้งชื่อมันว่ายัยมิรินม้าดีดกะโหลก” ภควรบอกก่อนจะเดินออกไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดที่บิดาเพิ่งจะซื้อให้เมื่อเดือนก่อน ด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ฮือๆๆๆๆ” มิรินได้ฟังก็ปล่อยโฮออกมาสุดเสียง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะตั้งชื่อลูกม้าที่เกิดใหม่ตามชื่อของเธอจริงๆ
“เรารีบตามไปดูกันเถอะ” แชมเปญรีบชวนเพื่อนสาว
“อื้อ!” มิรินพยักหน้ารับแล้วขยับลงจากโซฟาอย่างรวดเร็ว
วรันยามองตามสองสาวอย่างมึนงง ก่อนจะรีบเดินตามออกไปที่หน้าบ้าน ก็เห็นสองสาวกำลังปั่นจักรยานสีฟ้ากับชมพูหวานแหววออกไปตามทางด้วยกัน
“แชมเปญ มิริน!” วรันยาตะโกนเรียก แต่สองสาวไม่ยอมหันกลับมามอง เธอจึงรีบเดินตรงไปที่จักรยานของตัวเองแล้วปั่นตามไปอย่างใจคอไม่ดี
คอกม้า...ขณะที่ภาคิน สิงขร นารี สินชัย และกังศมากำลังรอลุ้นว่าลูกม้าจะเป็นเพศอะไรก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาจอดใกล้ๆ พอหันไปมองก็เห็นว่าใครกำลังเดินหน้าบูดเข้ามา
“ตัวผู้หรือตัวเมียครับ” ภควรถามก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“กำลังจะเกิดจ้ะ” กังศมาตอบหลานชายที่ฉายแววหล่อเหลาตั้งแต่เด็กเหมือนผู้เป็นพ่อ
“ถ้าเป็นตัวเมียผมขอตั้งชื่อนะครับ” ภควรเอ่ยขอ
“ได้สิ ลูกจะตั้งว่าอะไร?” ภาคินพยักหน้าตอบบุตรชาย
“ชื่อยัยมิรินม้าดีดกะโหลกครับ” ภควรตอบด้วยสีหน้าตึงๆ
“ภีม!” กังศมา สินชัยและภาคิน เรียกอย่างตกใจ
“คุณพ่อ....คุณพ่อขา....” เสียงของแชมเปญตะโกนเรียกมาแต่ไกลทำให้ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นสองสาวจอมแก่นปั่นจักรยานหน้าตั้งเข้ามาหา
“มีอะไรกัน?” กังศมาถามอย่างมึนงง
“ฮึก...ฮึก...คุณตาขา คุณย่าทวดขา พี่พะควรผลักมิรินล้มค่ะ ฮือๆๆ” มิรินมาถึงก็เรียกคะแนนสงสารอย่างไม่รอช้า
“ภีม! ลูกทำน้องเหรอ?” ภาคินหันไปถามบุตรชายยังไม่ทันขาดคำ บุตรสาวตัวน้อยก็รีบเสริมขึ้น
“แชมเป็นพยานได้ค่ะ” แชมเปญจำใจใส่ร้ายพี่ชาย! เพราะไม่อยากให้ อีกฝ่ายเอาชื่อของเพื่อนสาวไปตั้งเป็นชื่อให้กับลูกม้าเกิดใหม่ ซึ่งเธอวางแผนเอาไว้ว่าหากเป็นตัวเมียจะต้องชื่อดอกแก้วเท่านั้น
“เดี๋ยวนะ! ตอนที่เกิดเรื่องแชมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์สักหน่อย แล้วพี่ก็ไม่ได้ผลักมิรินล้ม ยัยนั่นวิ่งสะดุดขาตัวเองต่างหาก” ภควรหันไปต่อว่าน้องสาว
“จะ...จริงค่ะ ภะ...ภีมยังอุ้มมิรินไปวางที่โซฟาและดูแผลให้อีกด้วย” วรันยาที่ปั่นจักรยานตามมาทีหลังบอกเสียงปนหอบ
“ฮือๆๆ น้าไวน์เข้าข้างนายพะควร” มิรินที่มองไม่เห็นทางชนะ จึงร้องไห้ขึ้นอย่างเจ็บใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)