"พี่ก็เลยเข้ามาทำให้ตกใจใช่ไหมเนี่ย"
"พี่?!" คนเก่าหรือแม้แต่เนตรนภาต่างก็ตกใจที่เกษรใช้คำว่าพี่กับช่อชบา
"ตกใจค่ะ" หญิงสาวตอบไปตามตรง ใครจะไม่ตกใจล่ะ รวมทั้งสายตาของทุกคนก็มองมาที่เธอแบบแปลก ๆ
"ถ้างั้นทำงานต่อเถอะจ้า ถ้าไม่ไหวไม่ต้องทำนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงไปทานข้าวด้วยกัน" ไม่ใช่ว่าเกษรจะไม่ดูงานที่กองอยู่ตรงหน้าของแต่ละคน แต่นางก็ไม่พูดอะไรปล่อยไปก่อน
"คะ?" ช่อชบาถึงกับตกใจ ที่พี่สาวคนสวยชวนไปทานข้าวเที่ยง
"ไปทานข้าว??" ไม่ได้ตกใจแค่ช่อชบา ทุกคนในแผนกก็ไม่ต่างกันเลย
ส่วนนิสาเริ่มหมั่นไส้หนักขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่ช่อชบาช่วยชีวิตคือใคร แต่ก็ขอหมั่นไส้ไว้ก่อน คนอะไรยอมเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนเพื่ออยากจะได้หน้า พอคิดมาถึงตรงนี้ก็เบะปาก “น่าจะตาย ๆ ไปซะ”
เที่ยงวันเดียวกัน..
"ชะ..ชบา..เอ่อ" เธอไม่กล้าขึ้นรถเลยด้วยซ้ำ เพราะคนที่เปิดประตูให้ก็คือเกษร ซึ่งตอนนี้ช่อชบารู้แล้วว่าพี่คนสวยที่เธอเรียกแบบสนิทสนม..นางเป็นใคร
"น้องชบาเป็นอะไรจ๊ะ เดี๋ยววันนี้พี่จะพาไปทานอะไรอร่อย ๆ หรือน้องชอบแบบแซ่บ ๆ ล่ะ" นางค่อย ๆ ดันตัวช่อชบาเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนตัวเองก็ขึ้นตาม จังหวะนั้นพนักงานทุกคนที่ผ่านไปมาต่างก็มอง
"ทะ..ท่าน..เอ่อ..คุณประธาน ไม่สิ..เราต้องเรียกอะไรดี" ตอนนี้กำลังเถียงกับตัวเอง เพราะจะให้เรียกพี่เหมือนเดิมคงไม่ได้แล้ว
"ถึงแล้วจ้า ลงไปหาอะไรทานกันดีกว่า" เกษรรีบลงรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ช่อชบาอีกครั้ง
นางเห็นช่อชบาเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าช่อชบาไม่ช่วยชีวิตนางในวันนั้น ป่านนี้คงจะได้เผาไปแล้ว และเงินที่มีมากมายมหาศาลก็คงไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตตัวเองได้
เพล้ง!! นั่งทานไปได้สักพัก อยู่ดี ๆ ช้อนก็ร่วงลงจากมือของหญิงสาว..
"น้องชบาเจ็บแผลหรือเปล่า" เกษรรีบวางช้อนเหมือนกัน แล้วนางก็จับมือของช่อชบาขึ้นมาดู กลัวว่าเธอจะเจ็บแผล
"ปะ..เปล่าค่ะ..คะ..คือ.."
"เป็นอะไรนักหนาจ๊ะ บอกให้คุยเหมือนเดิมไง" เกษรรู้ดีว่า ไม่ว่าใครรู้ว่านางเป็นใครก็มีอาการไม่ต่างกันหรอก
"อะ..เอ่อ..ดะ..ได้" เพี๊ยะ! ฝ่ามือเรียวตบลงที่หน้าตัวเอง เพื่อเรียกสติ
"หนักไปใหญ่เลยฮ่าฮ่าฮ่า" เกษรรู้สึกเอ็นดูช่อชบาขึ้นมามากมายกว่าเดิม
ถ้าพี่สาวคนสวยเป็นเจ้าของบริษัท งั้นแสดงว่า..คุณคันศรเป็นลูกเหรอ ถ้าคุณคันศรเป็นลูกของนาง แล้วนายธนูล่ะ?!
ระหว่างที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น ช่อชบาคิดไปว่าอยากจะถามเรื่องของธนู..แต่จะถามดีไหม
เอาไปเอามาก็ไม่กล้าถาม..เพราะมันอาจจะเป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป
@บริษัท..ในแผนก
พอกลับมาที่แผนกก็เจอคำพูดกระแนะกระแหน ตอนนี้ไม่ได้กระแนะกระแหนแค่นิสา แต่ยังมีพนักงานเก่าอีกหลายคน ที่เริ่มจะไม่ชอบหน้าช่อชบา เพราะตอนนี้ทุกคนคิดว่าช่อชบายอมเสี่ยงตายเพื่อที่อยากจะไต่เต้า
"ถ้าเก่งนักก็ทำงานพวกนี้ให้เสร็จแล้วกัน" เอกสารได้ถูกจับโยนลงตรงหน้าหญิงสาวด้วยการกระทำของพนักงานเก่าที่ทำงานมานานแล้ว แต่ท่านประธานไม่เคยรู้เลยว่าคนพวกนี้มีตัวตนอยู่
"แต่งานพวกนี้ชบายังทำไม่เสร็จเลยนะคะ" หญิงสาวหมายถึงแฟ้มเอกสารอีกเป็นกองที่อยู่ตรงหน้า
"ก็เห็นเก่งไม่ใช่เหรอจ๊ะน้องช่อชบา" อีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักพูดแทรกขึ้นมา ตอนนี้มันทำให้นิสาสะใจมาก แบบไม่ต้องได้ลงมือเองเลย
เย็นวันเดียวกัน.. ที่จริงไม่เย็นแล้ว ดึกมากเลยล่ะ กว่าเธอจะทำงานเสร็จ หญิงสาวคิดว่าก็ดีเหมือนกันรถเมล์โล่งดี (มันคือความคิดของคนที่จิตใจสูง)
@บ้านช่อชบา..
"ทำไมวันนี้กลับดึกจังเลยล่ะลูก แม่ว่าจะออกไปดูที่หน้าปากซอยอยู่พอดีเลย" ดอกแก้วกลัวลูกจะมีอันตราย
“งานที่บริษัทเยอะมากค่ะแม่ แต่ก็ดีนะได้โอทีเพิ่มด้วย” ท่าทางของเธออิดโรยมาก เพราะนั่งทำงานไม่ได้ขยับไปไหนเลย แถมร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ จะทำยังไงได้ เพราะตอนนี้เธอคือหัวหน้าครอบครัว คนอื่นที่ลำบากกว่านี้ก็มีอีกมากมาย แค่นี้คงไม่ถึงตาย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ตลอดหนึ่งอาทิตย์มานี้ ช่อชบาก็ถูกแกล้งมาโดยตลอด จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน จะขาดงานก็ไม่ได้ และไม่กล้าพูดกับเนตรนภาด้วย เพราะขานั้นก็โดนไม่แพ้กัน
สาย ๆ ของวันเดียวกัน
รถสปอร์ตสีแดงคันงามได้วิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าบริษัท ชายหนุ่มที่ใส่ชุดแจ็คเก็ตสีดำ การแต่งกายของเขาแบดบอยมาก ได้เดินลงมาแล้วโยนกุญแจให้กับ รปภ. ที่กำลังรีบวิ่งเข้ามาเพื่อเอารถไปเก็บ
พอเขาก้าวเข้ามาในบริษัทสาว ๆ ต่างก็กรี๊ดกร๊าดกัน "คุณธนูมาแล้ว"
"สวัสดีค่ะคุณธนู" อ้อยเลขาส่วนตัวของท่านประธานรีบเดินมาต้อนรับ เพราะอ้อยได้มายืนรอธนูอยู่ตรงนี้นานแล้ว
"ทำไมแม่ต้องให้เข้าบริษัทด่วนด้วย บอกว่าขอพักผ่อนอีกสัก 2-3 วันหน่อยไง" ชายหนุ่มพูดกับเลขาส่วนตัวของเกษรผู้เป็นแม่
"อ้อยก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ตอนนี้พวกท่านรออยู่ที่ห้องประชุมใหญ่"
พอขึ้นมาถึงห้องประชุมใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวในสไตล์ของเขา เดินไปทิ้งก้นลงที่เก้าอี้ข้างผู้เป็นแม่ในท่าทางที่สบายอารมณ์
"เราควรเข้ามาดูงานช่วยพี่ได้แล้ว"
"แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานพวกนี้"
"แม่ไม่ชอบให้เราไปขับรถแข่งเลย รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน"
ตัดมาที่ช่อชบา..
ตอนนี้เธอกำลังจัดของที่โต๊ะหน้าห้องของผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หญิงสาวรู้แล้วว่าคนที่จะมารับตำแหน่งก็คือผู้ชายที่เธอเฝ้าตามหา และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยที่จะมาอยู่ตำแหน่งนี้
"หึ..คนเรานี่ก็เก่งนะ สามารถดันตัวเองให้ขึ้นมาอยู่สูงสุดแบบนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว" มันคือคำพูดของดวงตา เลขาส่วนตัวของคันศร เพราะทั้งสองห้องอยู่ไม่ไกลกัน
ช่อชบาเงยหน้าขึ้นและยกมือไหว้เพื่อเป็นมารยาท ถึงแม้จะรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ชอบหน้าเธอเหมือนกัน
สองชั่วโมงผ่านไป.. ผู้บริหารคนใหม่ก็ยังไม่เข้าบริษัท
"ท่านประธานให้เธอเข้าพบ" คนที่เดินมาตามช่อชบาก็คืออ้อย
"ค่ะ" ช่อชบารีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ห้องของท่านประธานใหญ่ โดยมีสายตาของดวงตามองตามไปแบบไม่ชอบใจ
ก๊อก~ ก๊อก~
"เข้ามาจ้า"
"สวัสดีค่ะ" ช่อชบายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินเข้ามาด้านใน
"นั่งก่อนสิจ๊ะ น้องชบา"
"ท่านอย่าพูดแบบนี้เลยนะคะ" ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ยอมเรียกท่านว่าป้าสะดีกว่า
"เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ"
"ไม่เป็นแล้วค่ะ" หญิงสาวกล้าพูดออกมาแบบตรง ๆ
และมันก็ทำให้เกษรเอ็นดูเธอมากขึ้น เพราะท่าทางของเธอไม่ได้เหมือนทุกคนที่ชอบประจบประแจงนางเลย
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า" ประธานบริษัทลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่ง แล้วเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้เลขาคนใหม่ของลูกชายได้นั่ง และมันก็ทำให้อ้อยที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ถึงกับงง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป @คฤหาสน์หรู
"ตื่นได้แล้วค่ะ" หญิงสาวร่างบางเดินเข้าไปในห้องนอนอันโอ่โถงแบบถือวิสาสะ แล้วเธอก็เดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงจากด้านนอก เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว
"ใครวะ!" ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ เพราะเมื่อคืนนี้กลับดึกมาก แถมยังดื่มกับเพื่อนมาด้วย รีบเอาหมอนมาปิดใบหน้าอันหล่อเหลานั้นไว้
"ฉันให้เวลาคุณ 10 นาที แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วออกไปที่บริษัท"
เขาค่อยๆ เลื่อนหมอนออกจากดวงตาทีละน้อย เพราะเสียงคนที่บังอาจมาปลุกเขานั้นมันคุ้นหูมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...