คนที่ดูแลธนูก็คือพยาบาลส่วนตัวที่แม่ของเขาจ้างมา เพราะกลัวว่าพวกแม่บ้านจะดูแลไม่ดีพอ
"คุณธนูตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนค่ะ" มันคือเสียงของพยาบาลที่มาปลุก
"ช่อชบายังไม่มาเหรอครับ"
"ยังค่ะ"
เขาถามออกมาแค่นั้น และก็ไม่พูดอะไรอีก.. พอทานข้าวทานยาเสร็จ ก็นอนหลับไปอีกรอบเพราะฤทธิ์ยา
ตื่นขึ้นมาช่วงสายๆ ธนูแอบมองหาเผื่อเธอจะมา แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา
"ถึงเวลากายภาพบำบัดแล้วค่ะ" เขานอนอยู่หลายวันจำเป็นต้องได้กายภาพบำบัด จะได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานหลายวันให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม
เย็นวันเดียวกันนั้น..
"อะไรนะครับแม่" ระหว่างที่นั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ แม่ก็เล่าให้ฟังว่าช่อชบากลับไปทำงานแล้ว
"แม่ยอมใจเด็กคนนี้จริง ๆ"
พอได้ฟังแบบนั้นธนูก็ไม่มีคำพูด เขาทานข้าวเสร็จก็ให้พยาบาลพาขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง
เช้าวันต่อมา..
ช่อชบาก็ทำเหมือนทุกครั้ง เธอตื่นเช้าหน่อยเพื่อออกมารอรถเมล์ที่หน้าปากซอย ไม่ใช่ว่าเกษรจะปล่อยปละละเลย แต่ช่อชบาไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ไม่ต้องการอะไรที่เลิศหรู
พอช่อชบาออกไปทำงานแล้ว เกษรก็เข้ามาหาแม่กับยายของเธอ เพื่อจะสอบถามว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน ดูเหมือนจะห่างเหินไม่เหมือนช่วงที่อยู่โรงพยาบาลเลย
"ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ถามคำแกก็ตอบคำ" มันคือคำพูดของดอกแก้ว นางก็หนักใจไม่แพ้กัน
"เอาแบบนี้แล้วกัน คุณแม่กับคุณยายต้องยอมรับความช่วยเหลือจากทางเราแล้วล่ะ จะปล่อยไว้แบบนี้อีกไม่ได้แล้ว"
"ความช่วยเหลือยังไงคะ"
"คุณแม่กับคุณยายย้ายไปอยู่ที่บ้านอีกหลังของดิฉันไหมคะ"
"บ้านอีกหลังหมายความว่ายังไง"
"ตอนนี้หนูชบากำลังท้องไม่อยากให้แกเดินทางลำบาก ให้รถรับส่งแกก็ไม่ยอม..เอาแบบนี้ดีกว่า..คุณแม่กับคุณยายย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังที่ปลูกไว้ในบริษัท"
ข้างบริษัทใหญ่โตนั้น มีบ้านหลังงามที่นางปลูกทิ้งไว้อยู่หนึ่งหลัง และมีคนเฝ้าดูแลตลอดเวลา ที่ปลูกบ้านหลังนั้นไว้ก็เผื่อว่าแขกที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะได้มีที่พักสะดวกหน่อย
ทั้งสองก็เลยตกลงย้ายไปอยู่ที่นั่น เพราะเป็นห่วงลูกและหลานเหมือนกัน ยังไงลูกชายของเกษรก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารักลูกสาวของนางจริง
เที่ยงวันนั้น.. พอช่อชบารู้ข่าวว่าแม่กับยายย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เธอก็รีบลงมาดู
"ทำไมคะแม่"
"ที่บ้านหลังนั้นมันไม่ปลอดภัย ลูกก็รู้ว่าคนพวกนั้นไม่ยอมปล่อยเราหรอก แม่เห็นว่าที่นี่ปลอดภัยดี มียามดูแลตลอดด้วย"
เหตุผลของแม่ฟังขึ้น เธอก็กลัวแม่เป็นอันตรายจากภรรยาของพ่อเหมือนกัน
"หนูขอโทษที่สัญญากับแม่เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะหาเงินสร้างตัว แต่หนูก็ทำไม่ได้" แทนที่จะได้สร้างเนื้อสร้างตัว แต่กลับท้องก่อน
"ลูกอย่าพูดแบบนั้นสิ..แล้วตอนนี้ธนูรู้เรื่องหรือยัง" ดอกแก้วหมายถึงเรื่องเด็กในท้องของลูกสาว
"ไม่ค่ะ"
"ทำไมหนูไม่บอก..ไหนหนูบอกว่าจะเป็นคนบอกเองไง"
"ชบาไม่รู้..ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ถ้าเขารู้ว่ามีลูก แม่คิดว่าคนที่ไม่ชอบการผูกมัดแบบเขาจะดีใจไหม" มันคือความคิดของเธอ ถ้าเขาทำหน้าเสียใจเมื่อรู้ว่าเธอท้อง..เธอคงจะรับไม่ได้
"ทำไมหนูคิดมากแบบนี้..มีพ่อที่ไหนที่จะไม่ดีใจ"
คำถามนี้ของแม่ ช่อชบาไม่กล้าตอบออกไป..ก็พ่อของเธอนั่นไง..ที่ไม่ดีใจเลยที่มีเธอเกิดขึ้นมา
เย็นวันเดียวกันนั้น..
พนักงานที่ทยอยออกมาจากบริษัทต่างก็มองดูบ้านหลังงามของบริษัทมีคนมาอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
เช้าวันต่อมา..
"ทำไมตื่นเช้านักล่ะลูก หนูตื่นสายกว่านี้ก็ได้นะ เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงที่ทำงานแล้ว" ดอกแก้วตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ลูกเหมือนทุกเช้า
"ชินแล้วค่ะแม่" พอทานข้าวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จช่อชบาก็เดินออกมาจากบ้านหลังนั้น
ที่ต้องรีบออกมาเพราะไม่อยากให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าเธอได้พาครอบครัวมาพักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้
"เด็กเส้นขนาดเอาครอบครัวมาพัก ในบ้านของบริษัทได้แล้วเหรอ"
ช่อชบารีบมองกลับไปดูด้านหลัง ว่าใครเป็นคนพูด
"ขอโทษค่ะ ผู้จัดการพูดกับฉันเหรอคะ"
ใช่แล้วคนที่พูดออกมาก็คือริสาผู้จัดการทั่วไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...