พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 146

บนรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสุดหรู ลู่หานถิงกําลังขับรถอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทาง

เซี่ยซีหว่านรู้แล้วว่าเขาโกรธ เธอหันหน้าเล็กไปมองเขาด้วยสีหน้าเง้างอน “คุณลู่ คุณกำลังโกรธเหรอคะ?”

ลู่หานถิงใช้มือใหญ่สองข้างกดตรึงลงบนพวงมาลัย แล้วพูดโดยไม่มองหน้าเธอ “คุณถามผม ทั้งที่รู้อยู่แล้วน่ะเหรอ?”

“...คุณลู่ เรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะคะ ฉันไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่ของสถาบันเซิงลี่คือคุณป้าของคุณ และฉันก็ไม่รู้ว่าลู่จื่อเซียนเป็นน้องชายคุณด้วย เรื่องวันนี้เป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้นค่ะ”

ลู่หานถิงมองเธอแวบหนึ่ง “จื่อเซียนเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเหรอ?”

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลู่จื่อเซียนมาที่เมืองไห่เฉิง และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเข้าไปทำงานที่ซูมี่และกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกับเซี่ยซีหว่าน ถึงอย่างไรก็ตามลู่จื่อเซียนก็เป็นนักวิชาการแห่งมหานครเอมพีเรียล และยังเป็นคนที่มีฝีมือระดับปรมาจารย์ เขาจะมาที่เมืองไห่เฉิงทำไม?

เซี่ยซีหว่านพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ค่ะ ตอนที่ฉันเข้าไปที่ซูมี่เขาก็อยู่ที่นั่นแล้ว”

“พวกคุณสนิทกันมากเลยเหรอ?”

“ไม่สนิทเลยค่ะ เมื่อครู่ฉันเพิ่งจะรู้ชื่อเขาเอง…”

“ไม่มีอะไรอย่างอื่นใช่ไหม?”

“คุณอยากได้ยินแบบไหนล่ะคะ ลู่จื่อเซียนเขา...เขาเคยช่วยฉันมาหลายครั้ง…”

เซี่ยซีหว่านยังพูดไม่ทันจบ ลู่หานถิงก็ใช้ลิ้นดุนไปที่กระพุ้งแก้มขวาของเขา แล้วเสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังลอดออกมาจากลําคอ ลู่จื่อเซียนในความทรงจําของเขาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยต่างหาก ในทางตรงกันข้ามเขากลับเย็นชาและไม่ชอบสุงสิงกับใครเลย และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่สนิทกันจนถึงขนาดเพิ่งจะรู้ชื่อกัน แล้วเขาจะยื่นมือมาช่วยเธอทําไม?

ลู่หานถิงใช้มือใหญ่กดพวงมาลัยแล้วหักเลี้ยวอย่างแรง รถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู

อ้าย!

ความเร็วระดับนี้ก็เหมือนกับการแข่งรถ เซี่ยซีหว่านรู้สึกว่าตัวเองกําลังจะถูกเหวี่ยงออกไปด้านนอก เธอตกใจจนหน้าซีด “คุณลู่คะ คุณขับช้าลงหน่อย ขับแบบนี้มันอันตรายมากนะคะ”

หว่างคิ้วที่หล่อเหลาของลู่หานถิงขมวดเป็นปมราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ เขาไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย แต่กลับเหยียบคันเร่งลงไปจนมิด

เซี่ยซีหว่านรู้สึกวิงเวียนอยากจะอาเจียนออกมา “คุณลู่ ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันก็เริ่มจะโกรธขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ฉันขอถามคุณบ้าง ลู่หยินหยินเป็นป้าของคุณ แล้วคุณใช้ความเป็นป้าหลานเพื่อเป็นทางผ่านส่งเซี่ยเหยียนเหยียนเข้าไปที่สถาบันเซิงลี่ใช่หรือเปล่า ตัวคุณเองยังมาจ้องจับผิดฉันโดยที่ไม่มีหลักฐาน ฉันไม่เข้าใจว่าคุณโกรธเรื่องอะไร ฉันขออธิบายอีกรอบ คุณจะไม่เชื่อก็ตามใจ ฉันกับลู่จื่อเซียนไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น!”

เซี่ยซีหว่านยืดตัวตรง เบือนหน้าเล็กออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างโกรธเคืองและไม่สนใจเขาอีก

รถยนต์หรูหราที่เงียบสงัดพลันตกอยู่ในบรรยากาศที่อึดอัดทันที นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างจริงจัง

ลู่หานถิงยกมือขึ้นปลดกระดุมสองเม็ดบนเสื้อเชิ้ตออก เหมือนกับว่าทำแบบนี้แล้วเขาถึงจะได้พักหายใจ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้จริง ๆ แล้วก็คืองานเลี้ยงดูตัว ป้าแท้ ๆ ของเขาถูกใจคุณนายลู่ของเขา และอยากจะแนะนําคุณนายลู่ให้รู้จักกับลู่จื่อเซียนน้องชายของเขา

เขาไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่เธอถูกคนอื่นคิดถึง

ไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย

ลู่หานถิงชําเลืองมองเธอแวบหนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษ ความเร็วระดับนี้ทําให้เธอเครียดเกร็งและรู้สึกไม่สบาย สองมือเล็กของเธอจับชุดเดรสของตัวเองไว้แน่น และไม่พูดไม่จา เธออดทนอยู่เงียบ ๆ

ไฟโทสะที่ลุกโชนอยู่ในใจของลู่หานถิงราวกับถูกถังน้ำเย็นสาดซัดลงมาจนดับมอด ในฐานะผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล แน่นอนว่าเขารู้ว่าการเหยียบคันเร่งจนสุดและแล่นอย่างรวดเร็วบนถนนนั้นอันตรายแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาไม่สนใจแม้กระทั่งความรู้สึกของเธอและพาเธอทําเรื่องที่โล่ดโผนขนาดนี้

ลู่หานถิงเหงื่อออกจนชื้นมือ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ทําให้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้นน่ากลัวแค่ไหน

เขาลดความเร็วลงทันที และจอดรถที่ข้างทาง

เซี่ยซีหว่านรีบเปิดประตูรถข้างคนขับอย่างรวดเร็ว เธอมองหาถังขยะข้างทางแล้วโก่งตัวอาเจียนออกมา

คืนนี้เธอยังไม่ทันได้กินอะไรเข้าไปเลย แค่จิบไวน์แดงไปไม่กี่คำเท่านั้น เธออาเจียนไปหลายอึก และอาเจียนเอาน้ำดีขมออกมาเล็กน้อย ขอบตาเศร้าของเธอแดงเถือก

ลู่หานถิงลงจากรถและเดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ เขาอยากยกมือขึ้นลูบหลังเธอ แต่มือใหญ่ของเขาชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ดึงมันกลับไป

เขาส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวหนึ่งผืนให้เธอ

เซี่ยซีหว่านหยุดอาเจียนแล้ว เธอรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา “คุณจะโกรธก็โกรธไปสิคะ แต่ครั้งหน้าห้ามขับรถเร็วขนาดนี้ ฉันไม่ชอบที่คุณขับรถเร็วขนาดนี้ ฉันเองก็รู้สึกไม่สบายใจ”

ลู่หานถิงมองขอบตาที่แดงก่ำของเธอ ขนตาเรียวยาวนั้นถึงกับมีน้ำตาใส ๆ ไหลออกมาหลายหยด หยดน้ำตาไหลรินอย่างอ้อยอิ่งจะร่วงหล่นแต่ก็ไม่ร่วงลงมา

ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดู

ลู่หานถิงรู้สึกเหมือนมีมีดเล่มหนึ่งกำลังกรีดอยู่ที่กลางหัวใจของเขา มันช่างเจ็บปวดทรมาน เขายกริมฝีปากบางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ และหัวเราะเสียงแหบพร่า “ผมไม่ได้ตั้งใจขับรถเร็วขนาดนี้หรอก เมื่อครู่เหมือนผมควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณคงคิดว่าผม...อาการกำเริบอีกแล้วสินะ”

เซี่ยซีหว่านมองออกถึงความเย้ยหยันตนเองบนแววตาของเขา เธอรีบหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมายื่นส่งไปที่ริมฝีปากของเขา “แล้วตอนนี้คุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหมคะ งั้นกินยาคืนนี้ไปก่อนเถอะค่ะ”

ลู่หานถิงเบือนหน้าหนี

ปกติเขาจะกินยาอย่างว่าง่ายตลอด ทั้งยังให้ความร่วมมือกับการฝังเข็มของเธอเป็นอย่างดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิเสธที่จะกินยา

“ทําไมคุณไม่กิน?” เซี่ยซีหว่านถาม

ลู่หานถิงยื่นมือไปรับยาแล้วโยนมันทิ้งลงไปในถังขยะ “กินไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมมันก็แค่คนป่วยคนหนึ่ง”

“นี่ คุณทําอะไร ทำไมคุณถึงทิ้งยาไปแบบนั้น?”

เซี่ยซีหว่านขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน แล้วรีบเปิดฝาถังขยะออกอย่างรวดเร็ว เธอล้วงมือเล็กทั้งสองข้างเข้าไปในถังขยะแล้วรีบควานหาเม็ดยาทันที

ลู่หานถิงรีบคว้าเอวนุ่มนิ่มของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง “ควรจะเป็นผมมากกว่าที่ถามคุณว่าทำอะไร มือของคุณควานหาขยะได้เหรอ?”

“ลู่หานถิง นั่นเป็นยา คุณอย่าทิ้งยาและอย่าหมดหวังในตัวเองได้ไหมคะ คุณควรให้ความร่วมมือกับการรักษาของฉัน!”

ลู่หานถิงโอบเอวนุ่มนิ่มของเธอแล้วบังคับพาเธอไปที่รถหรูแบบนิสัยที่เขาชอบทำ แล้วพูดเสียงเรียบว่า “คืนนี้ไม่อยากกินยา พรุ่งนี้ค่อยกินแล้วกัน”

...

ณ สวนโหย่วหลาน

ลู่หานถิงกับเซี่ยซีหว่านเดินเข้าไปในห้องรับแขก คุณท่านก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที “พวกหลานกลับมาแล้วเหรอ? หานถิง หลานได้เจอสาวน้อยอัจฉริยะคนนั้นที่ป้าของหลานพูดถึงไหม? เธอกับจื่อเซียนมะ…”

คําว่า “เหมาะสม” ของหญิงชรายังไม่ทันได้เอ่ยออกมา ก็ถูกลู่หานถิงขัดจังหวะขึ้นทันที “เจอแล้วครับ แล้วคน ๆ นี้ผมก็พากลับมาด้วย”

“หมายความว่ายังไง?” หญิงชราตะลึงงัน

เซี่ยซีหว่านเดินขึ้นไปด้านหน้าอย่างรู้สึกผิด เธอจับมือคุณท่านเอาไว้ “คุณย่าคะ เรื่องนี้น่ะมีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยค่ะ หนูกับอาจารย์ใหญ่...ไม่สิ คุณป้า เราเคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ”

คุณท่านมองเซี่ยซีหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้าครู่หนึ่ง “หว่านหว่าน สาวน้อยอัจฉริยะคนนั้นที่หยินหยินพูดถึงคงจะไม่ใช่...ไม่ใช่หนูหรอกนะ?”

เซี่ยซีหว่านกระพริบตาปริบ ๆ “ดูเหมือนว่า...จะใช่ค่ะ”

“แต่ว่า ทุกคนบอกว่าหนูเรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลาย…”

“คุณย่าคะ หนูเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปได้ยังไง แต่ตอนที่หนูอายุ 13 ปี หนูถูกส่งไปเรียนที่วิทยาลัยการแพทย์อันดับ 1 ของมหานครเอมพีเรียล และจบปริญญาโทตอนอายุ 15 ปี หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่อยากจะเรียนต่อแล้วหนูก็เลยกลับมาค่ะ แต่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณป้าเข้า คุณป้าชวนหนูให้ไปเรียนต่างประเทศที่สถาบันเซิงลี่ แต่หนูรู้สึกว่าอยู่ไกลจากบ้านมากจึงปฏิเสธไป แล้วครั้งนี้คุณป้าก็ชวนหนูไปร่วมงานเลี้ยงอีก เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี