พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 167

เยี่ยหลิงกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ปลายสายกลับมีเสียง “ตู๊ดตู๊ด” ดังขึ้นถึงสองครั้ง กู้เยี่ยจิ่นที่อยู่ปลายสายได้วางสายไปแล้ว

“หลิงคนสวย แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น เธอรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?” ผู้ช่วยถามด้วยความรู้สึกกังวลที่ยังหาคำตอบไม่ได้

เยี่ยหลิงเก็บโทรศัพท์ลงนกระเป๋าพร้อมกับลุกขึ้น แล้วพูดว่า “คน ๆ นี้พวกคุณไม่สามารถยั่วยุได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะจัดการให้เองค่ะ”

เมื่อเยี่ยหลิงพูดจบก็ออกไปในทันที

...

เยี่ยหลิงขับรถไปที่คฤหาสน์ซีเจียงเยว่ทันที เมื่อถึงที่คฤหาสน์เธอจึงกดกริ่งที่ประตูอย่างรวดเร็ว

รอเพียงไม่นานประตูอพาร์ตเมนต์ก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ราวกับหยกของกู้เยี่ยจิ่นก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ

เมื่อกลับถึงบ้านเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกข้างนอกออก ตอนนี้บนตัวของเขาสวมเสื้อเชิ้ตบาง ๆ คอวีสีน้ำเงินอ่อน ท่อนล่างสวมกางเกงขายาวสำหรับอยู่บ้านสีดำ ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับรูปปั้นอันวิจิตรของจิตรกร ทั้งงดงามและมีเอกลักษณ์ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความสุขุมเยือกเย็นยากเกินที่จะต้านทานได้

“มาแล้วเหรอ? ผมกำลังทำอาหารอยู่พอดีเลย คุณล้างมือแล้วเรามากินข้าวด้วยกันเถอะ” กู้เยี่ยจิ่นพูดพลางเดินกลับมาที่ห้องครัว

เยี่ยหลิงเปลี่ยนรองเท้าที่โถงทางเดิน แล้วเดินตามเข้าไปในครัว กู้เยี่ยจิ่นกำลังก้มหน้าก้มตาทำอาหารด้วยใบหน้าอันหล่อเหลา อาจพูดได้ว่าผู้ชายที่เข้าครัวทำอาหารนั้นหล่อที่สุดแล้ว เขาทำสเต็กเนื้อและสปาเก็ตตี้เห็ดสองจานที่เต็มไปด้วยสีสัน ความหอม และรสชาติอาหารที่ดีครบถ้วน

แต่ทว่า เยี่ยหลิงรู้สึกไม่อยากกินอาหารของเขา

“กู้เยี่ยจิ่น ฉันมาแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ฉันมานอนด้วยเหรอ ยินดีด้วยนะ คุณชนะแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินตอนนี้ ถ้าต้องการก็เร็ว ๆ หน่อย ครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงพอไหม ฉันยังต้องกลับไป!”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้เยี่ยจิ่นไม่มีแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา เขาเพียงแค่เหลือบมองเธออย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมไม่ต้องการ กินข้าวกันก่อนเถอะ”

น้ำเสียงที่เอาแต่ใจและไม่ยอมให้ต่อปากต่อคำอะไรอีกดังขึ้น

เยี่ยหลิงก้าวไปข้างหน้า และดับไฟในทันที

ปลายนิ้วเรียวขาวของเธอแตะไปที่เอวของเขาอย่างแผ่วเบา จากนั้นเธอก็จับและดึงเขาเข้ามาหาเธออย่างดุดัน

ร่างสูงใหญ่ของกู้เยี่ยจิ่นถือโอกาสโน้มตัวไปข้างหน้า จากนั้นเยี่ยหลิงก็ยืนเขย่งปลายเท้าขึ้นพร้อมกับใช้ริมฝีปากอันงดงามของเธอปิดทับลงไปบนริมฝีปากบางของเขาและบรรจงจูบอย่างรวดเร็ว

ลูกกระเดือกในลำคอของกูเยี่ยจิ่นกลิ้งไปมา และมือหนาก็โอบรอบเอวของเธอเอาไว้

เยี่ยหลิงไม่หลบแถมยังให้เขาจูบต่อไป

เธอสวมใส่เสื้อยืดและกระโปรงทรงเอสีดำแบบเรียบ ๆ ที่คอเสื้อของเธอผูกโบว์ตุ๊กตาเอาไว้ ไม่ใช่แบรนด์ดังอะไร แต่เธอกลับสวมใส่แล้วดูดียิ่งนัก ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถเทียบเธอได้ เธอทำให้ผู้คนไม่กล้าละสายตาไปไหนได้เลย

เยี่ยหลิงที่สดใสอ่อนโยนและมีเสน่ห์นั้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่บรรดาเหล่าเจ้าสัวผู้มีอำนาจและผู้ร่ำรวยหลายต่อหลายคนต้องการจะทะนุถนอมเธอ

กู้เยี่ยจิ่นจูบไปที่ดวงตาของเธอ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ถ้าวันนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นผู้ชายคนอื่น เพียงแค่พวกเขาให้เงินคุณ คุณก็ยอมหมดใช่ไหม?”

เยี่ยหลิงไม่ได้หลบตา เธอมองเขาอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดว่า “ก็ไม่เสมอไป เสื้อผ้าที่ฉันถอดทุกชิ้นมีราคาทั้งนั้น ยิ่งเข้าข้างในยิ่งแพง ใบหน้าของฉัน ดวงตาทั้งคู่ ทั้งตัวบนและล่างรับประกันได้เลยว่ามีราคาแพงมาก กู้เยี่ยจิ่น ฉันนอนกับคุณแค่ครั้งเดียวก็เสพสุขให้เต็มที่เถอะ ทางที่ดีที่สุดคุณต้องรับประกันตัวเองว่าคุณจะคอยคุกคามฉันตลอด จับมือฉันไว้ตลอด มีเงินตลอด และไม่ล้มละลายลง ไม่อย่างนั้นฉันจะหนีไปกับผู้ชายคนอื่นแน่นอน แล้วฉันจะมีอาเสี่ยมหาเศรษฐีรายใหม่”

ทันใดนั้นดวงตาสีดำขลับอันเยือกเย็นของกู้เยี่ยจิ่นก็เปลี่ยนเป็นสีดำเข้มราวกับมีน้ำหมึกสาดใส่เข้ามาในดวงตาคู่งามของเขาจนดำมืดสนิท เขาจ้องมองมาที่เธออย่างเย็นชาและอันตราย

เพียงไม่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นการที่คุณปฏิบัติกับอาเสี่ยมหาเศรษฐีของคุณแบบนี้ คุณไม่อยากปล่อยปากเลยใช่ไหมล่ะ?”

คนบ้า!

เยี่ยหลิงจ้องมองเขาอย่างเย็นชาด้วยความยั่วยุ เธอยังขบกรามแน่นและไม่ยอมเชื่อฟังโดยง่าย

กู้เยี่ยจิ่นรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาจึงเพิ่มแรงบีบบนใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของเธอด้วยมือใหญ่และบังคับให้เธออ้าปาก

เยี่ยหลิงคือคนที่ทนความเจ็บปวดได้ไม่มากนัก กู้เยี่ยจิ่นรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ กุหลาบสีแดงดอกนี้ถูกเขาเอาอกเอาใจจนเคยชิน แม้แต่ตอนกินยาเขาก็ยังต้องเกลี้ยกล่อมตั้งครึ่งวัน เวลาป่วยจนต้องฉีดยาเธอก็จะร้องไห้ เขามองดูเธอที่น้ำตาคลอเบ้าตาอันงดงามทั้งสองข้างด้วยความเย็นชา ช่างน่าสงสารจริง ๆ

ไม่รู้ว่าเกิดความชั่วร้ายขึ้นภายในจิตใจของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ บางครั้งเขาก็อยากรักและเอ็นดูเธอ แต่บางครั้งเขาก็อยากทำลายเธอ

เยี่ยหลิงรู้สึกเจ็บจริง เธอขมวดคิ้วสวยได้รูปของเธอและค่อย ๆ คลายกรามที่ขบแน่นของเธอออก

กู้เยี่ยจิ่นสมหวังแล้ว เขาจึงปล่อยหน้าเธอให้เป็นอิสระ

เยี่ยหลิงโดนจูบจนรู้สึกหายใจไม่สะดวก เธอไม่กล้าลืมตาขึ้นมาเลย เธอทำเพียงแค่มองชายคนนั้นขมวดคิ้วของเขาและจูบเท่านั้น ชายผู้สุภาพอ่อนโยนและมีน้ำเสียงอันไพเราะเช่นนี้ เมื่อเริ่มมีความเสน่หา เขาก็โหดร้ายราวกับสัตว์ป่า

เยี่ยกลิงกัดริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง

รสเลือดคาวกระจายออกมาภายในปากของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นกู้เยี่ยจิ่นก็อุ้มเธอขึ้นไปที่ชั้นบน เขาใช้เท้าเตะประตูห้องให้เปิดออก แล้วโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ อย่างแรง

เยี่ยหลิงพลิกตัวเข้ากำแพงและหันหลังให้เขา

กู้เยี่ยจิ่นขึ้นมาบนเตียงและนอนลงข้าง ๆ เธอ เมื่อเขาเข้าไปกอดเธอและพยายามจะโอบเธอไว้ในอ้อมอก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวของเธอแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อยราวกับก้อนหิน

กู้เยี่ยจิ่นพรมจูบไปบนเส้นผมหยิกลอนของเธออย่างใจเย็น เขาพบว่าตัวของเธอไม่อ่อนลงเลย แต่กลับยิ่งแข็งทื่อขึ้นอีกด้วย

กู่เยี่ยจิ่นเม้มริมฝีปากแดงบางของเขา และพูดเยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณีว่า “ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร ไม่มีอารมณ์เลยจริง ๆ”

เยี่ยหลิงซุกใบหน้าเล็กอันสดใสของเธอลงไปที่หมอนแล้วหลับตาลง จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นว่า “คงเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะให้คุณจำได้ว่า ในครั้งนั้นคุณทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมาก แม้กระทั่งการทิ้งเงามืดที่หนักหนาไว้ในจิตใจของฉัน ทุกครั้งที่คุณเข้าใกล้ฉัน ฉันก็ควบคุมตัวเองให้อยู่ห่างจากคุณไม่ได้ กู้เยี่ยจิ่น คุณรู้ไหม การที่คุณแก้แค้นโดยการทรมานฉัน ขณะเดียวกันความเบื่อและความเกลียดชังของฉันที่มีต่อคุณก็ได้ถูกสลักไว้ในกระดูกแล้ว!”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้เยี่ยจิ่นชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกกดดันไปทั้งร่างกายจนสามารถแหลกสลายจนกลายเป็นน้ำได้ แต่เธอกลับหัวเราะเยาะเขาเหรอ?

เมื่อก่อนในสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเขา ผู้หญิงที่มองเขาอย่างดีอกดีใจ ตอนนี้กลับเหลือแค่ความเกลียดชังและขับไล่เขาเท่านั้น

ภายในใจของเขารู้สึกว่างเปล่า กู้เยี่ยจิ่นรู้สึกว่าตอนนี้เธอเป็นเหมือนว่าวที่อยู่ในกำมือของเขา ถ้าเขาไม่จับตาดูเอาไว้ เธอก็จะสามารถหลุดพ้นจากการถูกจองจำของเขาและลอยหนีไปได้

“เยี่ยหลิง นี่ไม่ส่งผลกระทบกับผมเลย ท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะเจ็บก็คือคุณ!” เมื่อพูดจบเขาก็เอื้อมมือออกมาถอดเข็มขัดตัวเองทันที…

...

เยี่ยหลิงรู้สึกตัวแข็งทื่อและเย็นเยือกไปทั้งร่างกายตลอดเวลา อันที่จริงเขาไม่รู้และจะไม่มีวันรู้ว่าเธอเคยแท้งลูกมาก่อน

ปีนั้นในพิธีบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุได้ 18 ปี เธอลากกระเป๋าเดินทางออกจากเมืองไห่เฉิงเพียงลำพังคนเดียว เธอไปที่ต่างถิ่น เช่าบ้านหนึ่งหลัง และในไม่ช้าเธอก็พบว่าเธอตั้งท้องแล้ว

ในคืนนั้นเจ้าของบ้านดื่มเหล้าจนเมาและแอบเปิดประตูห้องของเธอเข้ามาพร้อมกับบีบคอเธออย่างแรงแล้วกดเธอลงบนเตียง

ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากร่างกายของเธอจนทำให้ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทั้งผืน และทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกตกใจด้วย เขาปล่อยเธอและวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกทันที