พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 189

ร่างกายที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของเธอโผล่มาจากทางด้านหลัง ลู่หานถิงไม่ต้องมองย้อนกลับไปก็รู้ได้ในทันทีว่าใครกำลังอยู่ด้านหลังของเขา เขาประสานมือกับเธอ และพูดว่า “คุณนายลู่ ผมว่าคุณนับวันก็ยิ่งจะกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ ผมกำลังทำงานอยู่ แต่คุณกลับเรียกให้ผมมาขับรถให้คุณอย่างนั้นเหรอครับ?”

เซี่ยซีหว่านกอดเขาจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่นราวกับปลาหมึก แล้วพูดว่า “คุณชายลู่คะ ฉันเรียกรถแท็กซี่ไม่ได้จริง ๆ นะคะ อีกอย่างคุณจะทำงานหาเงินจำนวนมากไปเพื่ออะไรกันคะ คุณจะเอาเงินไปเลี้ยงดูบ้านเล็กเหรอคะ เลี้ยงดูฉันเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ!”

ลู่หานถิงไม่ได้หันหลังกลับไปมอง เขาถูกเธอโอบกอดอย่างนุ่มนวล ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หลับตาอันคมคายของเขาลง และพูดว่า “หว่านหว่าน คุณทำให้ผมโลภมากยิ่งขึ้นอีกแล้วนะ”

...

ตอนนี้ตระกูลเซี่ยเต็มไปด้วยความหมองหม่นและไร้ชีวิตชีวา

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานยังไม่สามารถยอมรับความจริงว่า เซี่ยซีหว่านเป็นผู้ปิดผนึกจุดฝังเข็มด้วยเข็มทองคำและช่วยชีวิตหญิงชราคนนั้นไว้ โลกโซเชียลยังคงร้อนระอุไปด้วยประเด็นที่ว่าเซี่ยซีหว่านเป็นหญิงสาวอัจฉริยะตัวจริง แต่พวกเขากลับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ

เซี่ยเจิ้งกั๋วไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เซี่ยซีหว่านกลับมา ลูกสาวคนนี้ที่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของเขากลับลากเขาจากสวรรค์ลงสู่นรกหลายต่อหลายครั้ง เขาจึงพูดว่า “เหยียนเหยียนตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน ลูกเป็นนักศึกษาแพทย์ที่มีผลการเรียนสูงและจบจากสถาบันเซิงลี่ที่ประเทศฝั่งเศส อีกทั้งยังมีตำราทางการแพทย์อยู่ในมือ ส่วนเซี่ยซีหว่านถูกพ่อส่งไปยังชนบทตั้งแต่ตอนอายุได้ 9 ขวบ เธอไปเรียนทักษะทางการแพทย์เช่นนั้นมาจากไหน บอกพ่อทีว่าเรื่องทั้งหมดนี้พ่อเข้าใจผิดไปเอง และเรื่องทั้งหมดนี้พ่อแค่ฝันไป”

ใบหน้าของหลี่ยู่หลานซีดเผือด เธอพูดว่า “เหยียนเหยียน นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากทักษะทางการแพทย์ของลูกด้อยกว่าเซี่ยซีหว่านมันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับลูกที่จะพลิกตัวขึ้นมาอีกครั้งในอนาคต”

เซี่ยเหยียนเหยียนเข้าใจเรื่องนี้ดี เรื่องผู้ชายเธอก็แพ้เซี่ยซีหว่าน และตอนนี้แม้กระทั่งทักษะทางด้านอาชีพเธอก็ยังเทียบกับเซี่ยซีหว่านไม่ได้ หากเปรียบเทียบกับเซี่ยซีหว่านแล้ว เธอยังคงอ่อนหัดมาก

“พ่อคะ แม่คะ เซี่ยซีหว่านไม่ใช่คนธรรมดาแบบที่พวกเราคิด เธอต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอนค่ะ ตอนนี้อธิการบดีหลี่เหวินฉิงกำลังจัดงานแถลงข่าวที่โรงแรมเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หนูจะไปดูเธอด้วยตาของตัวเองค่ะ!” เหยียนเหยียนหยิบกระเป๋าของเธอ จากนั้นก็เดินออกไป เธอจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะตามเธอไปด้วย หลี่ยู่หลานพูดว่า “เหยียนเหยียน พวกเราจะไปกับลูกด้วย เราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคราวนี้เซี่ยซีหว่านจะมาไม้ไหน!”

...

ณ โรงแรมเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นักข่าวทั่วทั้งเมืองไห่เฉิงต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว งานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงก้มมองดูนาฬิกา จากนั้นก็ถามโจวผิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาว่า “ผู้อำนวยการโจว ใกล้จะถึงเวลาแล้ว คุณไปดูให้ผมหน่อยสิว่าหว่านหว่านมาถึงหรือยัง”

“ได้ค่ะ ท่านอธิการบดี” ผู้อำนวยการโจวพูดจบก็เดินออกไป

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงอันไพเราะและสดใสดังขึ้นว่า “ท่านอธิการบดี ผู้อำนวยการโจวคะ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาสาย”

เซี่ยซีหว่านรีบวิ่งเข้ามาในโรงแรม

เมื่อตัวเอกของการแถลงข่าวในครั้งนี้ปรากฏตัวขึ้น แสงแฟลชจากกล้องในมือของทุกคนก็สาดเข้าใส่ร่างของเซี่ยซีหว่านอย่างรวดเร็ว นักข่าวต่างพากันถ่ายรูปเธออย่างไม่หยุดหย่อน

“หว่านหว่าน คุณมาก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา คุณยังไม่สายหรอก พวกเราขึ้นไปบนเวทีกันเถอะ”

“ได้ค่ะ”

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงพาเซี่ยซีหว่านขึ้นไปบนเวที ซึ่งหมายความว่างานแถลงข่าวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บรรดานักข่าวด้านล่างรู้สึกตื่นเต้นมากจนแทบจะทนไม่ไหว ทุกคนรีบแย่งกันถามคำถามกันอย่างดุเดือด

“อธิการบดีหลี่ครับ วุฒิการศึกษาของเซี่ยซีหว่านยังคงเป็นปริศนา ตกลงความจริงคืออะไรกันแน่ครับ?”

“อธิการบดีหลี่คะ คนทั้งเมืองไห่เฉิงต่างก็รู้ว่าเซี่ยเหยียนเหยียนลูกสาวของประธานเซี่ยเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ที่มีทักษะอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย และต่อมาเธอได้เข้าไปศึกษาที่สถาบันเซิงลี่ แต่เซี่ยซีหว่านเติบโตขึ้นมาจากในชนบท เธอเรียนรู้ด้วยตนเองจนกลายเป็นอัจฉริยะอย่างนั้นเหรอคะ?”

“หากอิงจากวุฒิการศึกษาแล้ว เซี่ยซีหว่านดูเหมือนจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเซี่ยเหยียนเหยียนได้เลยนะคะ”

เซี่ยเหยียนเหยียน เซี่ยเจิ้งกั๋ว และหลี่ยู่หลานก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขานั่งอยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่เคยเชื่อว่าเซี่ยซีหว่านจะกลายเป็นหญิงสาวอัจฉริยะได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมมาอย่างดี หากเซี่ยซีหว่านเล่นตุกติก พวกเขาจะยืนขึ้นและออกไปตบหน้าเธอในทันที

เมื่อพูดถึงวุฒิการศึกษาแล้ว เซี่ยเหยียนเหยียนก็เลียริมฝีปากอย่างภาคภูมิใจ เธอเป็นหญิงสาวอัจฉริยะที่เปล่งประกายตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ส่วนเซี่ยซีหว่านเป็นแค่คนบ้านนอกคอกนา นี่คือความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

วุฒิการศึกษาก็เหมือนใบเบิกทาง ไม่ว่าเซี่ยซีหว่านจะเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มากจากไหน แต่ถ้าเธอไม่มีวุฒิการศึกษาสิ่งนี้ก็จะกลายเป็นจุดด้อยของเธอ!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เซี่ยเหยียนเหยียนก็รู้สึกสบายใจขึ้น

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงโบกมือขึ้นเมื่อเผชิญกับคำถามอันร้อนแรงของทุกคน เขาจึงพูดว่า “ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบก่อนนะครับ ผมรู้ว่าวุฒิการศึกษาของซีหว่านยังคงเป็นปริศนาอยู่ นี่เป็นหัวข้อที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด อันที่จริงวุฒิการศึกษาของซีหว่านนั้นเรียบง่ายมาก ซีหว่านจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียล ปัจจุบันเธอจบปริญญาเอกสองใบแล้วครับ”

อะไรนะ?

ปริญญาเอกสองใบอย่างนั้นเหรอ?

เซี่ยเหยียนเหยียนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ เธอคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งคนบ้านนอกคอกนาอย่างเซี่ยซีหว่านจะกลายเป็นด็อกเตอร์ที่จบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียลและมีปริญญาเอกถึงสองใบ แม้ว่าเธอจะเรียนที่สถาบันเซิงลี่ แต่จนถึงปัจจุบันนี้เธอก็ยังไม่เก่งกาจถึงขั้นนั้น!

“เซี่ยซีหว่าน เธอโกหก!” เซี่ยเหยียนเหยียนยืนขึ้นและตะโกนอย่างกล่าวหาอย่างรวดเร็ว

เซี่ยเหยียนเหยียนมาแล้ว หลังจากนี้ต้องมีละครดี ๆ เกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน นักข่าวต่างก็คว้ากล้องแล้วซูมไปที่เซี่ยซีหว่านและเซี่ยเหยียนเหยียน

เซี่ยซีหว่านไม่ได้สนใจเซี่ยเหยียนเหยียน และสมาชิกในครอบครัวเลยสักนิด มันเป็นเรื่องดีที่พวกเขามาที่นี่ด้วย

บรรดานักข่าวต่างก็ยื่นไมโครโฟนไปข้างหน้า และเอ่ยถามว่า

“เซี่ยเหยียนเหยียน ทำไมคุณถึงพูดว่าเซี่ยซีหว่านโกหกคะ?”

“คุณมีหลักฐานอะไรไหมคะ?”

“ปรากฎว่าประธานเซี่ยและคุณนายเซี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกคุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า เซี่ยซีหว่านจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียล และมีปริญญาเอกถึงสองใบคะ?”

เซี่ยเหยียนเหยียนจ้องไปที่เซี่ยซีหว่านพร้อมกับหัวเราะเยาะ แล้วพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน เธอบอกว่าเธอจบปริญญาเอกสองใบ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา เป็นที่ทราบกันดีว่าคนที่สามารถจบปริญญาเอกสองใบได้ต่างก็มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เธอเพิ่งผ่านวันเกิดอายุครบ 20 ปีไปได้ไม่นาน แต่เธอกลับบอกว่าเธอจบปริญญาเอกถึงสองใบแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

เซี่ยซีหว่านนั่งอยู่บนเวที แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปต่างก็สาดมาที่เธออย่างรัว ๆ เธอมองไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง ผิวของเธอขาวราวกับเปลือกไข่ เธอช่างงดงามและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

เมื่อเผชิญกับคำถามของเซี่ยเหยียนเหยียน เซี่ยซีหว่านก็เลิกคิ้วขึ้น เธอมองลงไปที่เซี่ยเหยียนเหยียนที่ยืนอยู่ด้านล่างของเวที และพูดว่า “เซี่ยเหยียนเหยียน ฉันรู้ว่ามันยากสำหรับเธอที่จะยอมรับมัน แต่นี่คือความจริง”

เซี่ยเหยียนเหยียนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามเธอหน่อยว่าคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเธอคือเท่าไหร่? เราทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าการที่จะเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียลได้จะต้องมีคะแนนการสอบเท่าไหร่ ทางที่ดี เธอไม่ควรโกหกนะ เพราะฉันเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องตลกในภายหลัง!”

ทุกคนมองไปที่เซี่ยซีหว่าน เซี่ยซีหว่านยังคงมีท่าทีที่สงบ เธอเม้มริมฝีปากและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนราวกับลูกปัดขนาดเล็ก ๆ กำลังตกลงบนแผ่นหินหยกว่า “ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย”

เมื่อเธอพูดจบสีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยคำถาม อะไรนะ?

“เซี่ยซีหว่านเป็นดอกเตอร์ที่ได้รับปริญญาเอกสองใบ แต่เธอกลับบอกว่าเธอไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างนั้นเหรอ?”

“เซี่ยซีหว่านกำลังโกหกอย่างนั้นเหรอ?”

เซี่ยเหยียนเหยียนหัวเราะ เธอรู้สึกว่าเซี่ยซีหว่านได้ขุดหลุมฝังตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน เธอไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เธอกลับบอกว่าเธอจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียล และมีปริญญาเอกถึงสองใบอย่างนั้นเหรอ? ฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันหลุดจริง ๆ !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี