พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 190

ในเวลานี้เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานอยากจะยืนขึ้นจนตัวสั่น สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนแทบจะอดทนรอไม่ไหวแล้วที่จะยิงเซี่ยซีหว่านให้ตาย

“หว่านหว่าน ลูกอย่าโกหกอีกเลย มันจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเรียนมหาวิทยาลัยที่มหานครเอมพีเรียล และพ่อไม่เคยให้เงินลูกสักหยวนเดียว ลูกจะไปเรียนที่นั่นได้ยังไง!”

“ใช่แล้วเซี่ยซีหว่าน ถ้าเธอไม่มีเงิน เธอจะไปเรียนที่นั่นได้ยังไง คำโกหกของเธอเต็มไปด้วยช่องโหว่ ทุกคนอย่าไปเชื่อเธอนะคะ!”

เซี่ยซีหว่านมองไปที่คนหน้าด้านทั้งสองคน เธอยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “โอ้ ที่แท้พวกคุณก็รู้นี่ว่า พวกคุณไม่ได้ให้เงินฉันสักหยวนเดียว และการเรียนมหาวิทยาลัยนั้นมีค่าใช่จ่ายที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ การที่เซี่ยเหยียนเหยียนไปเรียนที่สถาบันเซิงลี่ พวกคุณคงจะจ่ายเงินไปจำนวนมหาศาลเป็นแน่ และฉันจำได้ว่ากระเป๋าหรูของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็มีราคาตั้งหลายแสนหยวนนะคะ”

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานตัวแข็งทื่อในทันที พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะถูกเซี่ยซีหว่านโต้ตอบเช่นนี้

“แชะ แชะ แชะ” บรรดานักข่าวต่างพากันถ่ายรูปและชี้นิ้วนินทาพวกเขา

“เซี่ยเจิ้งกั๋วโหดร้ายจริง ๆ พวกเธอทั้งหมดต่างก็เป็นลูกสาวของเขา พวกเขาทำเหมือนกับว่าเซี่ยซีหว่านเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง”

“คนอย่างเซี่ยซีหว่านเลี้ยงไม่เสียข้าวสุก เธอช่างอัศจรรย์จริง ๆ ”

“ถ้าฉันเป็นเซี่ยซีหว่าน หากฉันไม่ได้ทำลายตระกูลเซี่ยให้วอดวายฉันก็คงจะนอนไม่หลับ”

เซี่ยซีหว่านมองไปที่ทั้งสองคน และพูดว่า “ประธานเซี่ย คุณนายเซี่ย การทอดทิ้งเด็กดูเหมือนจะเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะคะ ถ้าฉันจะส่งหมายศาลให้กับพวกคุณ ฉันควรส่งให้ประธานเซี่ย หรือคุณนายเซี่ยดีคะ?”

หมายศาลอีกแล้วเหรอ?

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานรู้สึกตกใจจนจะเป็นลม พวกเขาต่างก็กลัวหมายศาลที่เซี่ยซีหว่านพูดถึงมาก เซี่ยเจิ้งกั๋วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “หว่านหว่าน นี่...นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดนะ”

ดวงตาสดใสของเซี่ยซีหว่านฉายแววเย้ยหยันอย่างชัดเจน เธอเม้มริมฝีปากแดงของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและทรงพลังว่า “ฉันว่าพวกคุณควรจะหยุดพูดแล้วนั่งลงนะคะ”

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานที่ถูกตำหนิในครั้งนี้ต่างก็รู้สึกเข่าอ่อน พวกเขาจึงล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

พึ่บ

บรรดานักข่าวต่างก็มองพวกเขาราวกับเป็นตัวตลก

พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับเซี่ยซีหว่าน เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ตอนนี้กล้องกำลังถ่ายมาที่พวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน มันช่างน่าอับอายจริง ๆ และน่าอับอายจนถึงขีดสุด พวกเขาทั้งสองคนจึงยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตนเองไว้ด้วยความอับอาย

เซี่ยเหยียนเหยียนกำมือแน่น เธอไม่คิดว่าเซี่ยซีหว่านจะจัดการกับพวกเขาทั้งสองคนนี้ได้อย่างง่ายดาย เธอจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เซี่ยซีหว่าน เธออย่าเปลี่ยนเรื่องอีกต่อไปเลย ได้โปรดตอบคำถามของฉันมาตามตรง!”

เซี่ยซีหว่านส่งสายตามาที่เซี่ยเหยียนเหยียนเพื่อที่จะสื่อความหมายว่า ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ ถามทีละคน เซี่ยซีหว่านจึงตอบว่า “เซี่ยเหยียนเหยียน ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้สอบเข้ามัธยมปลายด้วยเช่นเดียวกัน”

อะไรนะ?

เธอไม่ได้สอบเข้ามัธยมปลายอย่างนั้นเหรอ?

คำพูดเหล่านี้สร้างความฮือฮาขึ้นท่ามกลางฝูงชนในทันที ทุกคนต่างก็คิดว่าเซี่ยซีหว่านจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ระดับมัธยมเธอก็ยังจะเรียนไม่จบ?

เซี่ยซีหว่านมองดูผู้คนที่มีอาการตื่นเต้นจนออกนอกหน้า จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าของเซี่ยเหยียนเหยียนที่เต็มไปด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าเธอไม่ได้เข้าร่วมการสอบเข้ามัธยมด้วยซ้ำ เธอเอียงหัวเล็กน้อยและพูดด้วยความสงสัยว่า “ฉันเลื่อนชั้นเร็วไปไหมนะ ฉันไม่ได้เล่นสนุกในช่วงชีวิตนั้นจริง ๆ เพราะตอนที่ฉันอายุ 13 ปี ฉันก็ถูกได้รับการเสนอชื่อให้ไปเรียนห้องเรียนระดับเยาวชนที่มหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นหนึ่งในมหานครเอมพีเรียลแล้ว”

เมื่อเธอพูดจบ ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาเมื่อครู่นี้ก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างและมองไปที่ที่เซี่ยซีหว่านด้วยความตกใจ เธอ...เมื่อครู่นี้เธอพูดว่าอะไรนะ?

รอยยิ้มบนริมฝีปากของเซี่ยเหยียนเหยียนหุบลงในทันที เธอยืนตัวแข็งทื่อ ขณะเดียวกันเซี่ยซีหว่านก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “มันแปลกเหรอคะที่ฉันจะได้รับปริญญาเอกสองใบ อ้อ ใช่สิ เซี่ยเหยียนเหยียน ฉันขอแก้ไขคำพูดหน่อยนะ ฉันไม่ได้รับปริญญาเอกสองใบตอนอายุ 20 ปีหรอก แต่ฉันได้รับปริญญาเอกสองใบตั้งแต่ตอนอายุ 15 ต่างหาก”

“อีกอย่างก็คือ ประธานเซี่ยคะ ฉันไม่ได้เสียเงินไปกับการเรียนเลย ตอนนั้นฉันถูกเสนอชื่อไปที่ มหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียล พวกเขาบอกให้ฉันอยู่ที่นั่นตามสบายและไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยวนเดียว ฉันก็เลยตัดสินใจไปเรียนค่ะ”

“เดิมทีฉันเรียนจบปริญญาเอกสองใบตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปีแล้วค่ะ แต่ทางมหาวิทยาลัยแพทย์ไม่ยอมปล่อยฉันออกมา สามปีต่อมาฉันจึงมาที่มหานครเอมพีเรียลหลายต่อหลายครั้ง ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี ฉันไม่สบายใจที่จะเปิดเผยตัวตนเพราะมันเป็นความลับ แต่ต่อให้ฉันพูดมันออกมาก็คงจะไม่มีใครอยากฟัง หลังจากนั้นพวกคุณก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันได้ช่วยชีวิตชายชราคนหนึ่งบนถนนกลางมหานครเอมพีเรียล จากนั้นฉันก็กลับมายังเมืองไห่เฉิงและแต่งงานกับคุณชายลู่แทนพี่สาวของฉันค่ะ”

เซี่ยซีหว่านพูดอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงสิ่งที่เธอทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยกเว้น 3 ปีที่ที่เธอพูดถึง มันยังคงเป็นความลับอยู่

ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงบ หากมีเข็มตกลงบนพื้นก็คงจะได้ยินเสียง ทุกคนไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เซี่ยซีหว่านที่นั่งอยู่บนเวทีด้วยความงุนงง

หญิงสาวยังคงเป็นหญิงสาวในความทรงจำคนนั้น แต่ ณ เวลานี้ดูเหมือนว่าเธอจะเปล่งประกายเต็มไปด้วยแสงพราวพราวจนทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะมอง

เซี่ยเหยียนเหยียนตกตะลึง เธอได้ยินเสียง “บูม” ดังขึ้นภายในใจราวกับว่าโลกทั้งใบของเธอได้พังทลายลง

ปรากฎว่าเซี่ยซีหว่านไม่ได้จบการศึกษาแค่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอได้รับปริญญาเอกสองใบตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี!

เลื่อนชั้นอะไรกัน ทุกสิ่งที่เธอภาคภูมิใจเทียบกับสิ่งที่เซี่ยซีหว่านได้รับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เซี่ยซีหว่านไม่ต้องพยายามอะไรเลย เธอได้รับการเสนอชื่อขึ้นไป!

หญิงสาวอัจฉริยะตัวจริงคือเซี่ยซีหว่าน!

ใบหน้าของเซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานซีดเผือดเหมือนกับศพ พวกเขามองเซี่ยซีหว่านราวกับว่าเธอเป็นปีศาจ เธอ...เธอ เธอ เธอน่ากลัวเกินไปแล้ว ทำไมเธอน่ากลัวถึงเพียงนี้?

เธอยังเป็นเซี่ยซีหว่านใช่หรือไม่ เธอไม่ใช่เซี่ยซีหว่านอย่างแน่นอน เธอไม่ใช่มนุษย์!

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงมองดูสีหน้าของทุกคนด้วยความพึงพอใจ เพราะเขาก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน เขาไม่มีวันทิ้งใคร เพราะเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงกระแอมเสียงไอออกมาเบา ๆ และพูดว่า “ตอนนี้ทุกคนก็รู้เกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของซีหว่านแล้ว ซีหว่านเป็นคนที่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำที่มีผลการเรียนดีเด่น เธอเป็นบุตรสาวแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ วุฒิการศึกษาของเธอได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการแพทย์ทั่วโลก สถาบันวิจัยซูมี่ของพวกเราโชคดีมากที่สามารถเชิญซีหว่านมาเข้าร่วมได้ เอาล่ะ ผมขอจบการแถลงข่าวไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ครับ”

...

งานแถลงข่าวจบลงแล้ว แต่จะมีช่วงสัมภาษณ์พิเศษหลังจากนี้ บรรดานักข่าวต่างก็รวมตัวกันมารุมล้อมเซี่ยซีหว่าน

ขณะเดียวกันลู่อินอินก็เดินเข้ามา แล้วพูดว่า “ซีหว่าน ยินดีด้วยนะจ๊ะ เธอควรจะเปล่งประกายเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”

“ขอบคุณนะคะคุณป้า” เซี่ยซีหว่านพูดอย่างยิ้มแย้ม

บรรดานักข่าวรีบส่งไมโครโฟนไปด้านหน้า และตะโกนถามว่า “ผู้อำนวยการลู่ครับ คุณรู้จักเซี่ยซีหว่านด้วยเหรอครับ ก่อนหน้านี้คุณทราบเรื่องวุฒิการศึกษาของเธอแล้วหรือเปล่าครับ?”

ลู่อินอินมองไปที่กล้องพร้อมกับพยักหน้าอย่างสง่างาม แล้วพูดว่า “ฉันจะไม่รู้จักหญิงสาวอัจฉริยะในโลกการแพทย์คนนี้ได้อย่างไรคะ เมื่อตอนที่ซีหว่านอายุครบ 15 ปี และสำเร็จการศึกษาแล้ว ปีนั้นฉันได้เชิญซีหว่านเข้าร่วมสถาบันเซิงลี่ในฐานะชาวจีนคนแรก แต่ซีหว่านกลับปฏิเสธเพราะเธอคิดว่ามันไกลบ้านจนเกินไปค่ะ”

อะไรนะ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยอย่างนั้นเหรอ?

“ผู้อำนวยการลู่คะ คนจีนคนแรกที่ได้เรียนที่สถาบันเซิงลี่ไม่ใช่เซี่ยเหยียนเหยียนเหรอคะ?”

เซี่ยเหยียนเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในเวลานี้จ้องไปที่เซี่ยซีหว่านและลู่อินอินด้วยความอิจฉาริษยา และความอาฆาตแค้น เธอยืนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด

ลู่อินอินก็สังเกตเห็นเซี่ยเหยียนเหยียนด้วยเช่นเดียวกัน เธอจึงพูดว่า “เซี่ยเหยียนเหยียนเหรอคะ แม้ว่าเธอจะได้เข้ามาศึกษาที่สถาบันเซิงลี่ของเรา แต่เธอเข้ามาทางประตูหลังค่ะ มีคนฝากฝังเธอเข้ามา ฉันจึงจำเป็นต้องรับเธอไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี