พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 191

พระเจ้า ทุกคนมองเซี่ยเหยียนเหยียนด้วยความตกตะลึง ที่แท้เธอก็ใช้เส้นสายในการไปเรียนต่อต่างประเทศที่สถาบันเซิงลี่ ส่วนเซี่ยซีหว่านที่อายุ 15 ปีกลับได้รับคําเชิญเป็นการส่วนตัวจากอาจารย์ใหญ่ของสถาบันเซิงลี่ แต่เพราะต้องจากบ้านไปไกลจึงตอบปฏิเสธไป!

นี่มัน...ความห่างชั้นระหว่างสาวน้อยอัจฉริยะตัวจริงกับตัวปลอมนี่อยู่ห่างกันหลายขุมมาก!

จากนั้นนักข่าวก็ต่างพากันยื่นไมค์ส่งให้เซี่ยเหยียนเหยียน รวมถึงเซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานที่ยืนอยู่ติดกันก็ถูกพ่วงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“คุณเซี่ยเหยียนเหยียนคะ ตอนนี้คุณรู้สึกโมโหมากใช่หรือเปล่าคะ ทั้งเรื่องทักษะทางการแพทย์อันน้อยนิด ทั้งเรื่องวุฒิการศึกษาจอมปลอม ทั้งยังถูกสื่อกระแสหลักวิพากษ์วิจารณ์และถูกอาจารย์ใหญ่ลู่เปิดโปงโดยมีพวกเราเป็นศักขีพยานในการถูกตบหน้าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของคุณ ใบหน้าของคุณตอนนี้ถูกตบจนบวมไปหมดแล้ว ดูจากสีหน้าของคุณแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะอกแตกตายเพราะความโกรธเลยนะคะ!”

“คุณหลี่ยู่หลานครับ คุณใกล้จะกระอักเลือดออกมาแล้วใช่ไหมครับ เพราะในขณะที่ลูกสาวแสนเจ้าเล่ห์ทั้งสองคนของตัวเองยังคงเป็นคนไร้ความสามารถ แต่เซี่ยซีหว่านที่คุณคิดอยากจะทำลายกลับสามารถเติบโตทวนกระแสลมที่เลวร้ายได้”

“คุณเซี่ยเจิ้งกั๋วคะ นี่คือเซี่ยเหยียนเหยียนลูกสาวที่คุณภาคภูมิใจที่สุดใช่ไหมคะ คุณได้เตรียมยาแก้ช้ำในเอาไว้หรือเปล่าคะ เพราะเงินก้อนใหญ่ที่ทุ่มเทให้กับเซี่ยเหยียนเหยียนและความคาดหวังในหลายปีที่ผ่านมาสุดท้ายก็หายวับไปกับตา คุณวางเดิมพันผิดพลาดแล้ว เพราะแม้แต่กับความรักในหลายปีที่ผ่านมาคุณก็ให้ผิดคน”

เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานมีคำพูดเป็นร้อยเป็นพันคำอยู่ภายในใจแต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดออกมาอย่างไรดี เพราะพวกเขาก็ไม่คิดว่าจะถูกนักข่าวปากร้ายเหล่านี้ด่าทอซึ่ง ๆ หน้า พวกเขาอดไม่ได้ที่อยากจะถามว่านักข่าวสมัยนี้พูดจาร้ายกาจขนาดนี้เชียวเหรอ?

กล้องถ่ายภาพเหล่านี้ยังคงกระหน่ำถ่ายมาบนใบหน้าของพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน แผนการอันชั่วร้ายที่อยู่ภายในใจของเซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานเหล่านั้นราวกับถูกกล้องจุลทรรศน์จํานวนนับไม่ถ้วนส่องขยายออกมาให้เด่นชัดขึ้น สภาพอันน่าสมเพชในวินาทีนั้นของพวกเขาช่างน่าอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นบังศีรษะและใบหน้าของตัวเองเหมือนหมาจนตรอก แล้วพูดว่า “หยุดถ่ายได้แล้ว พวกคุณไม่ต้องถ่ายกันแล้ว !”

เซี่ยเหยียนเหยียนยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ร่างกายของเธอเย็นเฉียบ เวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอพยายามปีนป่ายขึ้นสู่เบื้องบนอย่างสุดกำลังมาโดยตลอด เพื่อที่จะสลัดเงาตามติดของคำว่าตัวประกอบออกไป ถึงอย่างไรก็ตามตอนนั้นเธอก็เป็นเหมือนกับ “สาวใช้” ที่คอยติดสอยห้อยตามหว่านสาวงามแห่งทิศใต้กับหลิงสาวงามแห่งทิศเหนือมาตลอด เธอใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาถีบตัวเองให้กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเมืองไห่เฉิง อีกทั้งยังชุบตัวเองไปเรียนที่สถาบันเซิ่งลี่ เมื่อเธอกลับมาเธอก็คิดว่าชีวิตของเธอกําลังจะได้โบยบินแล้ว

แต่เธอเพิ่งค้นพบว่าตัวเองนั้นอ่อนหัดเกินไป เธอกลับมาจากสถาบันเซิงลี่ได้แค่สองเดือน ก็ถูกเซี่ยซีหว่านใช้ไม้ฟาดเธอเหวี่ยงกลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

โลกที่เธอพยายามสรรสร้างมันขึ้นมาได้พังทลายลงแล้ว

เซี่ยเหยียนเหยียนมองไปที่บรรดานักข่าว เธอมองเห็นถึงความเย้ยหยัน ถากถาง เห็นอกเห็นใจ และเฉยชา รวมไปถึงสายตาซ้ำเติมจากในแววตาของพวกเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนผลักเธอล้มลง แล้วใช้เท้าเหยียบย่ำเธอในทันที

“ไปให้พ้น ฉันไม่ให้สัมภาษณ์ พวกคุณไปให้ห่างจากฉันเลยนะ!” เซี่ยเหยียนเหยียนพูดตวาดเสียงดังลั่น

ในขณะที่มีเสียงเอะอะโวยวายจากทางด้านนั้น อธิการบดีหลี่เหวินฉิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เดินเข้ามา แล้วพูดว่า “หว่านหว่าน งานแถลงข่าวจบลงแล้ว พวกเราไปที่ห้องรับรองเพื่อประชุมเรื่องแผนการผ่าตัดของคุณท่านลี่กันเถอะ”

เซี่ยซีหว่านมองปฏิกิริยาของเซี่ยเหยียนเหยียนด้วยความเฉยชา ตั้งแต่วินาทีที่เธอกลับมาที่เมืองไห่เฉิง เธอก็ให้คำมั่นสัญญาในใจต่อพวกคนที่ได้ยัดเยียดความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในตัวเธอว่า เธอจะเอาคืนทีละคนให้สาสม!

“ได้ค่ะ ท่านอธิการบดี พวกเราไปกันเถอะค่ะ”

เซี่ยซีหว่านหันกลับไปก็มองเห็นลู่จื่อเซียนจากด้านข้างของอธิการบดีหลี่เหวินฉิง

ลู่จื่อเซียนเองก็มาร่วมงานแถลงข่าวด้วย แต่เขาทำตัวเงียบเชียบตลอดงานเหมือนอย่างเคย ตอนนี้เขากำลังเดินเข้ามา ดวงตาเย็นชาของเขาจับจ้องมาที่เธอ ภายในแววตานั้นมีรัศมีแห่งความอ่อนโยนส่องประกายออกมา

จากนั้นลู่อินอินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ซีหว่าน เธอคงยังไม่รู้ใช่ไหมว่า จื่อเซียนเองก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำแห่งมหานครเอมพีเรียลเหมือนกัน เขานั้นเหมือนกับเธอเลย เขาถูกส่งไปเรียนที่ชั้นเรียนเยาวชนตั้งแต่อายุ 13 ปีโดยที่ไม่ต้องสอบเข้า แต่ว่าจื่อเซียนไม่ได้ร่ำเรียนจนได้ปริญญาเอกสองใบ แต่กลับตรงไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ดังนั้นสถิติประวัติการศึกษาในวงการแพทย์ของเขาที่รักษาเอาไว้มาได้หลายปี เลยถูกเธอทำลายลงยังไงล่ะ”

อธิการบดีหลี่เหวินฉิงจึงถือโอกาสนี้ทำให้บรรยากาศครึกครื้นยิ่งขึ้น เขาพูดว่า “หว่านหว่าน งั้นก็หมายความว่าจื่อเซียนเป็นรุ่นพี่ของคุณน่ะสิ ดวงของพวกคุณนี่ช่างสมพงษ์กันจริง ๆ ”

เซี่ยซีหว่านเหลือบมองไปทางลู่จื่อเซียน ที่แท้พวกเขาต่างก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งมหานครเอมพีเรียลเหมือนกัน เขาเป็นรุ่นพี่ของเธอและเธอเป็นรุ่นน้องของเขา แถมเธอยังทําลายสถิติของเขาอีกด้วย

ไม่แปลกใจเลยที่แววตาของเขาซึ่งกำลังมองมาทางเธอในขณะนี้จะเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่แสนจะอบอุ่นและแฝงไปด้วยความตกตะลึงเช่นนี้

ลู่จื่อเซียนยังหนุ่มและมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เขาคือบุคคลอัจฉริยะที่มาในมาดของคุณชายผู้สง่างามแห่งมหานครเอมพีเรียล ตอนนี้บนร่างของเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขานั้นดูเรียบร้อยและเย็นชาราวกับพระเอกที่ออกมาจากในการ์ตูน

วันนี้เซี่ยซีหว่านสวมเสื้อคาร์ดิแกนสีม่วงอ่อนราวกับสีของดอกลาเวนเดอร์ที่มีสายเดี่ยวเส้นเล็กอยู่ด้านใน เธอดูสดใสบริสุทธิ์และงดงามอย่างไร้ที่ติ เมื่อทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วช่างดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก

ทันใดนั้นแสงแฟลชทั้งหมดก็สาดกระหน่ำเข้ามาที่พวกเขาทั้งสองคน นักข่าวถ่ายภาพไปจำนวนนับไม่ถ้วน

“ที่แท้นักวิชาการลู่ก็คือรุ่นพี่ของเซี่ยซีหว่าน เมื่อสองปีก่อนพวกคุณได้ร่วมมือกันทำการผ่าตัดอันน่าตื่นตะลึงบนถนนใหญ่ในมหานครเอมพีเรียล และตอนนี้ก็จะร่วมมือกันเป็นครั้งที่สอง การร่วมงานกันระหว่างชายอัจฉริยะและสาวอัจฉริยะนี้ดูน่าสนใจมากจริง ๆ”

“ตอนนี้ทุกคนบนโลกออนไลน์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซี่ยซีหว่านแต่งงานไปแล้ว พวกเราคงเชียร์ให้พวกคุณได้เป็นแฟนกันและลงเอยด้วยการแต่งงานกันแล้ว !”

ลู่อินอินยกริมฝีปากแดงระเรื่อขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ในความคิดของเธอนั้นลู่จื่อเซียนกับเซี่ยซีหว่านเกิดมาคู่กันจริง ๆ ถ้าหากไม่ถูกลู่หานถิงชิงตัดหน้าไปก่อน

ลู่อินอินเงยหน้ามองไปยังด้านหลังสุด เธอสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งสง่างามที่ยืนตระหง่านอยู่ครู่หนึ่งตรงมุมด้านหลังสุดของห้องโถงนี้ตั้งนานแล้ว ลู่หานถิงมาแล้ว

เขาอยู่ตรงนั้น

ลู่อินอินอดคิดไม่ได้ว่า ในเวลานี้ลู่หานถิงกําลังคิดอะไรอยู่ เขามีอาการป่วยทางจิตโดยที่ไม่สามารถทนต่อการกระตุ้นได้แม้แต่น้อย หากเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดในทันที

ถ้าซีหว่านได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ เธอจะต้องหวาดกลัวเป็นแน่

บรรดานักข่าวต่างหลั่งไหลกันเข้ามาราวกับสายน้ำเชี่ยว ทันใดนั้นเองนักข่าวที่อยู่ด้านหลังสุดก็รู้สึกเย็นวาบที่คออย่างบอกไม่ถูก พวกเขาหันกลับไปมองก็พบกับลู่หานถิงในทันที

แสงจากด้านที่ลู่หานถิงกำลังยืนอยู่นั้นมืดสลัวมากจึงทำให้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ดวงตาเฉี่ยวคมดุจพญาเหยี่ยวของเขากำลังจ้องเขม็งตรงไปที่ลู่จื่อเซียนและเซี่ยซีหว่านที่กำลังยื่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทั่วทั้งร่างของเขากำลังแผ่รังสีอํามหิตแห่งความเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ

นักข่าวหลายคนรู้สึกตกใจกลัวจนตัวสั่น พวกเขาแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที

เซี่ยซีหว่านยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่ เธอยิ้มกว้างด้วยดวงตาสดใสเปล่งประกาย และพูดว่า “ขอบคุณทุกคนสําหรับคําชมนะคะ การได้ร่วมงานกับนักวิชาการลู่เป็นครั้งที่สองก็ถือเป็นความโชคดีของฉันเช่นกันค่ะ”

ลู่หานถิงออกจากตระกูลลู่แห่งมหานครเอมพีเรียลเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นสถานะของน้องเขยกับพี่สะใภ้คู่นี้จึงไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะชนมากนัก

จากนั้นนักข่าวก็ยื่นไมค์ส่งไปที่เซี่ยซีหว่าน แล้วเอ่ยถามว่า “คุณเซี่ยสาวอัจริยะคะ ขอถามหน่อยค่ะว่า คุณได้วางแผนสําหรับอนาคตไว้ยังไงบ้างคะ?”

เซี่ยซีหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ปณิธานสําหรับในอนาคตของฉันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ ฉันหวังว่าฉันจะได้ทํางานด้านการแพทย์ที่ตัวเองรักมาตลอด และในอนาคตฉันหวังว่าจะสามารถเก่งกาจได้เหมือนนักวิชาการลู่ค่ะ”

เมื่อลู่จื่อเซียนได้รับคำชมจากเซี่ยซีหว่าน เขาจึงค่อย ๆ ยกริมฝีปากบางขึ้นแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย นี่กลายเป็นข้อยกเว้นสําหรับเขาที่ขึ้นชื่อว่าเย็นชาและไม่ชอบยิ้มไปแล้ว

จากนั้นลู่อินอินก็ยืดหลังขึ้นตรง และถอนหายใจเฮือกยาวด้วยความปลื้มใจ

เธอฟังเซี่ยซีหว่านพูดต่อไปซึ่งน้ำเสียงอันไพเราะของหญิงสาวนั้นแฝงไว้ด้วยความเขินอายและมีความสุข

“นอกจากฉันอยากจะคว้าอาชีพที่ตัวเองรักไว้ในมือหนึ่งแล้ว ฉันยังอยากจะใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าคนที่ฉันรักไว้ด้วยค่ะ ในภายภาคหน้าฉันอยาก...ให้กําเนิดลูกน้อยสองคนกับคุณชายลู่ในวัยที่เหมาะสมค่ะ ฉันอยากมีลูกสองคนค่ะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี