พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 200

เซี่ยซีหว่านนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลู่อินอิน จากนั้นพนักงานก็เข้ามาเสิร์ฟกาแฟสองแก้ว ลู่อินอินมองไปที่เซี่ยซีหว่าน แล้วพูดว่า “ซีหว่าน มาแล้วเหรอจ้ะ?”

เซี่ยซีหว่านพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “ค่ะคุณป้า ฉันมาแล้วค่ะ ที่ผ่านมาคุณป้าอยากเล่าเรื่องอดีตของคุณชายลู่ให้ฉันฟังมาโดยตลอด ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณป้าสามารถพูดมาได้เลยค่ะ”

หลังจากเซี่ยซีหว่านคิดทบทวนมาทั้งคืน เธอก็ตัดสินใจที่จะมาพบคุณป้าลู่อินอิน เพราะอาการป่วยของคุณชายลู่เกินความคาดหมายของเธอไปมาก ครั้งนี้ที่เขาขับรถชนจนเกิดอุบัติเหตุนั้นได้ส่งสัญญาณเตือนบางอย่างแล้ว คุณชายลู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ช่างหล่อเหลา เป็นผู้ใหญ่ ฐานะสูงส่งและร่ำรวย เขาสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่เขาได้นำเอาคนที่มีความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด และความเปราะบางคนนั้นที่เขาเคยแอบเก็บซ่อนเอาไว้แสดงออกมาแล้ว เธอมีความสุขกับตัวเขาในตอนนี้ แต่เธอก็ควรเข้าใจอดีตเหล่านั้นของเขาด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นอดีตปัจจุบันหรืออนาคตของเขา เธอต้องการที่จะมีส่วนร่วมอยู่ในนั้นด้วย

ลู่อินอินจิบกาแฟไปหนึ่งคำ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหลานชายอย่างลู่หานถิงคนนี้ แต่เมื่อพูดถึงอดีตเหล่านั้น สีหน้าของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวมาก เธอพูดว่า “หานถิงเคยพูดถึงหลิวอิงลั่วแม่แท้ ๆ ของเขาให้เธอฟังบ้างไหม?”

เซี่ยซีหว่านพยักหน้า แล้วพูดว่า “เคยพูดถึงอยู่ค่ะ”

ลู่อินอินรู้สึกตกตะลึงเพียงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า ลู่หานถิงจะพูดถึงแม่ของตัวเองกับคนอื่นได้ เธอจึงพูดต่อว่า “ฉันประหลาดใจมาก เพราะแม่ของเขาคือข้อห้ามที่ลึกที่สุดภายในใจของเขา คนอื่นแตะต้องไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเคยพูดถึงแม่ของเขาให้เธอฟังแล้ว”

“คุณชายลู่ไม่ได้พูดถึงอะไรมากค่ะ แต่ฉันก็นึกภาพออกว่า แม่ของคุณชายลู่จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยสง่ามากแน่นอนค่ะ”

สวยสง่า...

ไม่ใช่หรอกเหรอ?

ลู่อินอินยกริมฝีปากขึ้นหัวเราะกับตัวเอง เพียงแค่ใบหน้าที่งดงามจนทำให้ผู้คนที่พบเห็นสามารถตกหลุมรักได้ของหลิวอิงลั่วนั้นก็เหมาะสมกับคำว่าสวยสง่าสองคำนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ชายของเธอจะคอยตามติดตัวหล่อนได้อย่างไร เธอจึงพูดต่อว่า “หลิวอิงลั่วตายแล้ว วันนั้นเป็นงานศพของเธอ แต่ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ป้ายหลุมศพของหลิวอิงลั่วถูกเผาจนไหม้เป็นเถ้าถ่าน พอลมพัดมาก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย เมื่อหานถิงเห็นภาพนี้ก็ราวกับเสียสติไปเลย เขาลงมือทําร้ายผู้คนไปหลายคน”

“เรื่องนี้ฉันรู้อยู่ค่ะ คุณชายลู่เคยบอกฉันแล้วว่า ตอนนั้นเรื่องมันวุ่นวายจนใหญ่โตนิดหน่อย ต่อมาพวกคุณก็ให้ใบรับรองแพทย์แผ่นหนึ่งกับเขา เพื่อตัดสินว่าเขามีปัญหาทางจิต”

ลู่อินอินนึกไม่ถึงเลยว่า ลู่หานถิงจะบอกเรื่องเหล่านี้กับเซี่ยซีหว่านหมดแล้ว เธอจึงพูดต่อว่า “งั้นเขาเคยบอกเธอหรือยังว่า เรื่องในตอนนั้นมันไม่ใช่แค่วุ่นวายจนใหญ่โตนิดหน่อย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่มากจนทําให้ทั้งมหานครเอมพีเรียลต้องสั่นคลอน เพราะผู้คนหลายคนที่เขาลงมือทําร้ายเหล่านั้นล้วนเป็นลูกหลานที่มีชื่อเสียงของมหานครเอมพีเรียลทั้งหมด ครั้งนั้นหานถิงลงมืออย่างโหดเหี้ยมและเกือบทำให้ผู้คนเหล่านั้นพิการไปแล้ว เลือดสด ๆ ไหลอาบอยู่บนพื้นหน้าป้ายหลุมศพแม่ของเขาเต็มไปหมด !”

นิ้วมือของเซี่ยซีหว่านบีบเข้าหากันจนแน่นทันที เพราะในสมองของเธอเห็นภาพขึ้นมาแล้ว ภายในสุสานที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเลือดสด ๆ รวมไปถึงการหอบหายใจราวกับสัตว์ป่า

“ซีหว่านจ้ะ ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวบ้างหรือยังจ้ะ?” ลู่อินอินเอ่ยถาม

เซี่ยซีหว่านมองลู่อินอิน แล้วพูดว่า “ทําไมคุณชายลู่ถึงทําร้ายผู้คนเหล่านั้นคะ คนที่อยู่ภายในงานก็มีมากมาย แต่ผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บกลับเป็นพวกเขาเหล่านั้น คงไม่ใช่เพราะพวกเขาสร้างปัญหาเองหรอกใช่ไหมคะ?”

ลู่อินอินนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง จนถึงตอนนี้แล้ว เซี่ยซีหว่านก็ยังคงเข้าข้างลู่หานถิงอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้โลกทั้งใบจะเป็นศัตรูกับลู่หานถิงก็ตาม

“ใช่แล้ว ผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นพวกลูกหลานเสเพลในมหานครเอมพีเรียล ในงานศพ พวกเขาเผาป้ายเทพเจ้าของหลิวอิงลั่วจนกลายเป็นเถ้าถ่าน แล้วพวกเขาก็ยังหัวเราะเยาะหานถิงอีกด้วย พวกเขาบอกว่าหานถิงเป็นคนป่วย เป็นสัตว์ประหลาด”

“หานถิงลงมือจนทําให้พวกเขากลายเป็นคนพิการ ครอบครัวตระกูลมั่งคั่งและตระกูลเจ้าขุนเจ้านายเหล่านั้นจึงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป นี่เป็นข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย หานถิงจึงถูกจับตัวไปในทันที จากนั้นพี่ชายของป้าก็กลับมา เขาพาหานถิงไปตรวจสุขภาพจิตที่โรงพยาบาล เมื่อใบรับรองแพทย์ออกมา หานถิงก็ถูกประเมินให้เป็นคนผู้ป่วยทางจิต”

เซี่ยซีหว่านดวงตาหรี่ลง แท้จริงแล้วพ่อของลู่หานถิงเป็นคนที่ส่งเขาเข้าโรงพยาบาลเองกับมืออย่างนั้นเหรอ

“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ คงจะต้องมีการติดตามกันต่ออยู่แน่ ๆ ใช่ไหมคะ ใบรับรองแพทย์จิตเวชแค่แผ่นเดียวไม่มีทางหลอกคนพวกนั้นได้หรอกค่ะ”

“หลอกเหรอ?” ลู่อินอินหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาแล้วพูดว่า “ซีหว่าน จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดว่าหานถิงเป็นคนปกติ เธอคงไม่คิดว่าใบรับรองแพทย์จิตเวชเป็นของปลอมหรอกใช่ไหม มันเป็นใบรับรองแพทย์ของจริง !”

เซี่ยซีหว่านขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน เธอไม่ชอบให้คนอื่นพูดว่าคุณชายลู่ป่วยเป็นโรคจิต เธอรู้สึกไม่พอใจมาก

ขณะที่เซี่ยซีหว่านกําลังจะพูดอะไรบ้างอย่าง ลู่อินอินก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาพร้อมกับเลื่อนไปตรงหน้าของเซี่ยซีหว่าน แล้วพูดว่า “ซีหว่านจ้ะ เธอดูด้วยตัวเองเถอะ”

“นี่คืออะไรคะ?”

“ฉันลืมไปว่า หานถิงคงไม่ได้บอกเธอต่อจากนั้น ต่อจากนั้นก็คือ...หานถิงถูกนําตัวส่งไปที่โรงพยาบาลจิตเวช และอยู่ในนั้นเป็นเวลาสามปีเต็ม ๆ !”

อะไรนะ?

เซี่ยซีหว่านถึงกับสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้า เธอมองลู่อินอินด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก คุณชายลู่เคยเข้าไปอยู่ใน..โรงพยาบาลจิตเวชมาก่อน แล้วอยู่ในนั้นเป็นเวลาสามปีเต็มงั้นเหรอ?

เธอไม่รู้เลย

เธอไม่รู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ

“ซีหว่านจ้ะ ลองเปิดดูสิ เธอดูให้ดี ๆ สิว่า คุณชายลู่ของเธอเป็นโรคจิตจริงหรือเปล่า หรือ เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า !” เซี่ยซีหว่านยื่นนิ้วมือออกมา แล้วกดเปิดวิดีโอในโทรศัพท์

ภายในห้องเล็ก ๆ ของโรงพยาบาลจิตเวชที่มืดสลัวและอับชื้นห้องหนึ่งซึ่งถูกปิดผนึกไว้ทําให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกหดหู่และหายใจไม่ออก ในตอนนั้นลู่หานถิงยังเป็นวัยรุ่นอายุแค่สิบกว่าปีคนหนึ่ง รูปร่างสูงผอม บนเรือนร่างของเขาสวมชุดผู้ป่วยเอาไว้

ในวิดีโอเขากําลังต่อยตีกับรปภ.หลายคน เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม เพียงไม่นานก็สามารถล้มคว่ำรปภ.เหล่านั้นลงได้ ขณะที่เขากำลังจะพุ่งตัวออกไปก็มีกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งช็อตลงมาที่หัวของเขาในทันที และเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง “ปึ๊ก”

รปภ.เหล่านั้นเดินล้อมกันเข้ามา มีใครคนหนึ่งใช้เท้าเหยียบไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แล้วใช้กระบองไฟฟ้าช็อตเขาซ้ำเล่าซ้ำเล่า ในหูของเขาได้ยินแต่เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของคนเหล่านั้นที่กำลังสาปแช่งว่า “เจ้าสัตว์ประหลาดน้อย มีวันไหนที่ไม่ได้ตีแกบ้างเนี่ย ร่างกายของแกรู้สึกอึดอัดแล้วใช่ไหม?”

ลู่หานถิงในวัยเยาว์ถูกพวกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า ขอบตาเฉี่ยวคมของเด็กชายแดงก่ำ ภายในนั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง ปากของเขากำลังส่งเสียงครวญครางคล้ายสัตว์ป่า มือทั้งสองกำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น เขาพยายามจะยืนขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่พังทลายลงของตัวเองขึ้นมา เพียงไม่นานนิ้วมือของเขาที่กำลังขูดอยู่กับพื้นก็ถลอกปอกเปิกจนทำให้บนพื้นมีคราบเลือดเป็นทางหลายจุด

เซี่ยซีหว่านมือเท้าเย็นเฉียบราวกับตกลงไปในหุบเหวทั้งร่างกายราวกับว่าเธอกำลังยืนมองอยู่ตรงนั้น มองดูลู่หานถิงที่อายุสิบกว่าปีถูกคนอื่นข่มเหงรังแกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างตามอำเภอใจ เธอมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเขา ในดวงตาเขากำลังลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ ในความสิ้นหวังก็ยังมีความไม่ยอมจำนนและความโหดเหี้ยมอันเลือดเย็นที่อยากจะทําลายโลกใบนี้

เซี่ยซีหว่านรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นราวกับมีมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบคั้นเอาไว้อย่างแรง เธอรู้สึกเจ็บมาก เจ็บปวดไปจนทุกลมหายใจเข้าออก

และทันใดนั้น นิ้วมืออันแข็งแกร่งก็ยื่นเข้ามาและคว้าเอาโทรศัพท์ในมือของเธอไป เซี่ยซีหว่านเงยหน้าขึ้นในทันใด ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดุดันของลู่หานถิงปรากฏในสายตาเธออย่างจัง

ลู่หานถิงมาแล้ว!

เซี่ยซีหว่านขาตางอนสั่นระริก เธอมองชายร่างสูงใหญ่สง่างามตรงหน้าอย่างตกตะลึง วันนี้เขาสวมเสื้อสเวทเตอร์คอเต่าตัวบาง ภายนอกมีเสื้อโค้ทสีดําคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง และบนไหล่กว้างอันแข็งแกร่งของเขายังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำค้างแข็งจากภายนอก ทั่วร่างดูเยือกเย็นและเฉยชาเป็นพิเศษ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี