พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 14

“น้ำค้างขอโทษแทนน้ำหนาวด้วยนะคะ เจ้าชายซารีฟร์คะ น้ำค้างอยากมีพี่ชายที่ใจดีเหมือนเจ้าชาย ถ้าหากไม่อาจเอื้อมเกินไป รับน้ำค้างเป็นน้องสาวสักคนได้มั้ยคะ”

นาราพรรณยิ้มเจื่อนให้เจ้าชายซารีฟร์โดยไม่ลืมเอ่ยขอโทษและในตอนท้ายก็ได้เอ่ยร้องขอเสียงแผ่วเบาระคนหวาดหวั่นเกรงว่าจะเป็นการบังอาจเกินไป

เจ้าชายซารีฟร์คลี่ยิ้มอบอุ่นให้สาวน้อยที่ตนเองนึกเอ็นดูและอยากมีน้องสาวที่น่ารักเช่นน้ำค้างเหมือนกัน มือใหญ่เอื้อมไปแตะเบาๆ บนกระหม่อมที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มสลวยจากนั้นก็เอ่ยตอบรับเสียงทุ้มอ่อนโยนทำให้น้ำค้างแย้มยิ้มกว้างออกมาได้

“เรารับเจ้าเป็นน้องสาวแห่งราชวงศ์อัลนูรีนด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง”

“น้ำค้าง...เราโกรธตัวแล้วน่ะ”

นาราภัทรตะโกนเรียกอีกครั้งคราวนี้น้ำเสียงสั่นเครือยิ่งกว่ารอบแรกจากนั้นก็เอนกายหลบอยู่ข้างตึกเมื่อรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นที่เกลือกกลิ้งเอ่อคลอเบ้าจนทำให้ร้อนผ่าวไปทั่วดวงตา

“ขอบคุณเจ้าชายมากค่ะที่รับน้ำค้างเป็นน้องสาว เอาไว้วันหลังน้ำค้างจะทำอาหารต้อนรับพี่ชายคนนี้นะคะ”

น้ำค้างยิ้มแป้นด้วยความดีใจเอ่ยขอบคุณรัวเร็วอีกครั้งก่อนจะเดินเป็นวิ่งตรงดิ่งไปหาแฝดพี่ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ยืนรออยู่หน้าตึกอีกแล้ว หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อวิ่งขึ้นมาบนตัวอาคารแล้วเห็นแฝดพี่ยืนเอนกายพิงกับผนังอาคารอยู่และเมื่อได้เห็นดวงตาคู่สวยแดงก่ำมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้าก็มีอันต้องตกใจรีบเข้าไปประคองแก้มเนียนแดงปลั่งของพี่สาวไว้แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“น้ำหนาว ร้องไห้ทำไม โกรธเราหรือ เราขอโทษน่ะ”

นาราภัทรส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาคู่สวยยังคงมีน้ำตาหล่อเลี้ยง เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอได้อย่างยากลำบากก่อนจะเอ่ยตอบเสียงสั่นเทา

“เราไม่โกรธน้ำค้าง”

“แล้วตัวโกรธใคร” น้ำค้างเอ่ยถามอีกครั้งพอนึกได้ว่าตัวต้นเหตุเป็นใครจึงกระซิบถามเสียงแผ่วเบา “น้ำหนาวโกรธเจ้าชายซารีฟร์ใช่ไหม”

“ไม่ได้โกรธใครทั้งนั้นแหละ ไปเรียนกันเถอะ”

“แน่ใจน่ะว่าตัวไม่ได้โกรธใคร”

น้ำค้างย้ำถามอีกครั้งรู้ว่าพี่สาวแสนสวยซึ่งกำลังยืนร้องไห้น้ำตาคลอเบ้านั้นเอ่ยโกหกแต่เธอก็ยังคงเซ้าซี้กระทู้ถามไม่ได้หยุดหย่อน

“ฮื้อ...ไม่ได้โกรธใคร ไม่ได้โกรธเจ้าชายซารีฟร์ เราก็แค่ผู้หญิงต่ำต้อยดุจธุลีเม็ดทรายที่ถูกคลื่นลมพัดผ่านเข้าไปกระทบผิวกายของเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ ไหนเลยจะมีสิทธิ์ไปโกรธเคืองให้เจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้โอหังได้ระคายเคืองใจ”

นาราภัทรตัดพ้อเสียงเครือจากนั้นก็เดินหนีขึ้นบันไดมุ่งตรงไปยังห้องเรียนแต่เมื่อเดินขึ้นมาถึงที่พักบันไดซึ่งเป็นผนังกระจกหญิงสาวก็ได้หยุดยืนมองทะลุลงไปด้านล่าง เจ้าชายซารีฟร์ยังคงยืนนิ่งขึงอยู่ตรงตำแหน่งเดิมโดยไม่มีทีท่าจะขยับไปไหน หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่นดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยแววเจ็บช้ำ ทำไมเจ้าชายซารีฟร์ต้องคอยตอกย้ำพูดจาถากถางให้เธอรู้สึกไร้ค่าราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหิวเงินที่เห็นผู้ชายหล่อรวยแล้วต้องวิ่งเข้าใส่เหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เจ้าชายซารีฟร์ได้พบเจอะเจอเสมอมา แต่เจ้าชายหนุ่มจะรู้ไหมว่าเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ครอบครัวของเธอกำลังประสบปัญหาเรื่องเงินทองอยู่แต่เธอยังมีสองมือมีมันสมองที่สามารถหาเงินเองได้ สิ่งที่เธอต้องการและคาดหวังว่าจะได้รับจากเจ้าชายซารีฟร์คือหัวใจทั้งสี่แห่งห้องของเจ้าชายหนุ่มซึ่งบัดนี้เธอได้ยอมรับแล้วว่าตนเองนั้นเริ่มมีใจภักให้กับเจ้าชายแห่งทะเลทรายที่ได้มอบจุมพิตหวานฉ่ำให้กับเธอ

นาราภัทรจ้องมองเจ้าชายหนุ่มด้วยสายตาปวดร้าวอยู่อีกครู่หนึ่งจากนั้นก็สะบัดหน้าหนีตัดเจ้าชายแห่งทะเลทรายที่จอมเผด็จการออกไปจากกายใจ

เจ้าชายซารีฟร์รับรู้ได้ถึงกระแสแห่งความรักระคนหมองเศร้าที่ส่งตรงมากระทบใจจึงได้เงยหน้าขึ้นไปยังทิศทางที่มาและก็ได้เห็นแค่เพียงแผ่นหลังเส้นผมนุ่มสลวยดำขลับของนาราภัทรที่ได้เดินหนีไปแล้ว

“พระองค์พะยะค่ะ พระองค์ชอบคุณน้ำหนาวไม่ใช่หรือพะยะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงได้เอ่ยวาจาให้คุณน้ำหนาวต้องเจ็บช้ำใจด้วย”

ราชิตขยับกายเข้ามาใกล้เจ้าชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาให้คลายอาการสงสัยและในตอนท้ายน้ำเสียงออกจะติดหวั่งเกรงอยู่บ้างด้วยกลัวว่าจะเป็นการตั้งคำถามให้เจ้าเหนือได้ขัดเคืองใจ

“ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นวาจาเจ้าก็รู้ว่าเราชอบน้ำหนาวถึงขั้นแรกว่ารักก็ได้”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยตอบก่อนจะเดินตรงไปยังอาคารเรียนที่อยู่ถัดไปอีก 2 ช่วงตึกซึ่งอีกไม่ถึง 20 นาที ก็ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว

ราชิตเดินเป็นวิ่งตามเจ้าเหนือหัวแล้วเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง “แล้วทำไมพระองค์ไม่บอกให้คุณน้ำหนาวรู้ว่าพระองค์รักเธอ”

เจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายหยุดเดินแล้วหันมามององครักษ์ราชิตด้วยแววตาหม่นหมองก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“บอกไปแล้วเจ้าคิดว่าน้ำหนาวจะเชื่อหรือ ถ้าหากคนที่เพิ่งพบกันแค่ไม่กี่วันจู่ๆ ก็เข้าไปบอกว่าเธอคือหญิงสาวที่เรารอคอยมาทั้งชีวิต เป็นคนที่จะเติมเต็มให้ชีวิตของเราได้สมบูรณ์สุขตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว

น้ำหนาวคงได้หัวเราะเยาะด้วยความขบขำ”

“แต่ถ้าหากพระองค์ไม่เอ่ยบอก คุณน้ำหนาวจะรับรู้ความในใจของพระองค์หรือพะยะค่ะ”

“น้ำหนาวน่าจะรับรู้บ้างว่าการที่เราตามจีบเธอนั้นเป็นเพราะว่ารักต้องใจภักตัวต่อเธอต้องการครอบครองหัวใจทั้งสี่แห่งห้องมิใจต้องการแค่เพียงเรือนกายของเธอแค่เพียงอย่างเดียว”

“โธ่...พระองค์พะยะค่ะ แค่การกระทำการแสดงออกสื่ออารมณ์บางทีก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้หญิงบางคน พวกเธอเหล่านั้นต้องการได้ยินคำว่ารักที่เอื้อนเป็นวาจาออกมาเสียมากกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย