พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 13

“เรามารับเจ้าไปมหา’ลัย”

เจ้าชายซารีฟร์เปิดฉากโจมตีเป็นบทปฐมฤกษ์สำหรับการปะทะฉะดะกันในวันนี้และแทนที่จะเอ่ยพูดกับนาราภัทรเป็นภาษาไทยกลับเอ่ยสนทนาเป็นภาษาอังกฤษแทนด้วยอยากรู้ว่าน้ำหนาวจะแนะนำเขากับหญิงงามน่ารักอ่อนหวานที่จำไม่ผิดว่าชื่อน้ำค้างว่าอย่างไรบ้าง

“มารับทำไม มหา’ลัยอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ตึก เดินไปเองก็ได้”

นาราภัทรเอ่ยตอบเสียงแข้งห้วน ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำไล่ลงมาถึงลำคอ รสจุมพิตสิเสน่หาหวานฉ่ำแล่นพล่านทั่วกายเมื่อรู้ว่าเจ้าชายซารีฟร์จงใจจ้องมองที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอตลอดเวลา

“ต่อให้มหา’ลัยอยู่หน้าอพาร์ตเม้นท์เดินไปไม่กี่ก้าวถึงถ้าหากเราอยากมารับเราก็จะมา”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยอย่างเอาแต่ใจตน ในตอนแรกตั้งใจจะมาขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เมื่อมาเจอสายตาเย็นชากริยาเฉยเมยที่น้ำหนาวมอบให้เลยทำให้ความตั้งใจเดิมหดหายไปแปรเปลี่ยนเป็นต้องการเอาชนะหญิง

สาวให้ได้

นาราภัทรจ้องมองเจ้าชายรูปงามเขม็งพยายามตีหน้าบึ้งขึงตาใส่เพื่อกลบเกลื่อนความอายของตนเองทุกคราที่นึกถึงจุมพิตดูดดื่มหวานฉ่ำ

“ฮึ!...เชิญไปเบ่งอำนาจที่อื่น ที่นี่บอสตันไม่ใช่ประเทศของเจ้าชายและน้ำหนาวเป็นชาวไทยไม่ใช่ราษฎรอัลนูรีนไม่ต้องมาสั่ง น้ำหนาวไม่มีทางทำตามคำสั่งของเจ้าชายหรอก”

นาราพรรณตั้งใจฟังอยู่นานแล้ว ออกจะงงๆ ว่าบุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่ค่อนข้างคุ้นตาผู้นี้เป็นใครและบาดหมางใจกับแฝดพี่ของเธอด้วยเรื่องอันใดกันเจอหน้ากันปุ๊บก็มีอันต้องปะทะคารมห่ำหั่นกันทั้งถ้อยคำวาจาและสายตาอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน เท่านั้นยังไม่พอใบหน้างดงามของพี่สาวก็ขยันแดงก่ำแทบตลอดเวลาซึ่งเธอรู้ว่าไม่ใช่แดงเพราะความโกรธเคืองแต่เป็นเพราะความอายเสียมากกว่า

“น้ำหนาวผู้ชายคนนี้เป็นใคร หน้าตาคุ้นๆ น่ะ แล้วน้ำหนาวรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาถึงจะมารับตัวไปมหา’ลัย”

เมื่ออดรนทนไม่ไหวน้ำค้างก็เข้าไปสะกิดต้นแขนพี่สาวพร้อมกับเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาให้คลายอาการสงสัย

นาราภัทรละสายตาจากใบหน้าคมเข้มหันมามองหน้าหวานๆ ของแฝดน้องครู่หนึ่งก่อนจะหันไปจ้องกินเลือดกินเนื้อเจ้าชายหนุ่มจอมฉวยโอกาสแล้วเอ่ยตอบเสียงลอดไรฟัน

“ผู้ชายคนนี้คือเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ คนที่เรานินทาในร้านอาหารไทยที่แอร์พอร์ต”

“ฮ้า!!!...เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ งั้นหรือ?...”

น้ำค้างร้องเสียงหลงเบิกตากว้างมองเจ้าชายซารีฟร์ที่กำลังแย้มยิ้มให้อย่างเอ็นดู หญิงสาวหันไปมองพี่สาวซึ่งเดินหนีไปแล้วก่อนจะหันกลับมามองเจ้าชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับยิ้มเจื่อนอย่างขอลุแก่โทษ

“น้ำค้างขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้นด้วยนะคะ เอ่อ...คือ น้ำค้างกับน้ำหนาวไม่ได้ตั้งใจนินทาเจ้าชาย”

ด้วยรู้ว่าตนเองนั้นเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู นาราพรรณจึงได้ยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยขอโทษเสียงแผ่วเบา ถ้าหากเจ้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลายอมยกโทษให้ก็ถือว่าเป็นการดีสำหรับพวกเธอที่บังอาจยิ่งนักสำหรับการเอ่ยพูดจาลบหลู่เบื้องสูงแห่งดินแดนทะเลทราย

เจ้าชายซารีฟร์ยิ้มกริ่มพยักหน้ารับการไหว้ขอโทษของสาวน้อยแสนน่ารัก สายตาคมกริบที่ทอดมองอีกหนึ่งดอกไม้งามแห่งสยามเต็มไปด้วยความเอ็นดูราวกับพี่ชายเอ็นดูน้องสาวตัวน้อยๆ

ถ้าหากจะเปรียบเทียบระหว่างฝาแฝดทั้งสอง น้ำหนาวจะออกแนวสวยแก่นแก้วบ้าดีเดือดแถมเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่หนึ่ง ส่วนสาวน้อยที่เจ้าชายหนุ่มจำไม่ผิดว่าชื่อน้ำค้างนั้นดูอ่อนหวานเข้าคนง่ายไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนแฝดพี่ที่เดินลิ่วๆ ไปรออยู่หน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ถือโทษโกรธเจ้ากับน้ำหนาว แต่อยากขอโทษพวกเจ้าเสียมากกว่าที่ราชวงศ์ของเราทำให้พวกเจ้าต้องเดือดร้อน”

“โอ้...ไม่เลยค่ะ เจ้าชายฮารีฟร์และพระองค์ไม่ได้ทำให้พวกเราสามพี่น้องต้องเดือดร้อน แต่คนที่ทำให้พวกเราต้องเป็นแบบนี้คือมะ...”

นาราพรรณรีบกลืนคำว่า ‘แม่’ ให้หายลงไปในลำคอ ถึงแม้ว่าแม่จะทำกับพวกเธอไว้มากเพียงใดแต่ท่านก็ยังเป็นผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิดพวกเธอมา ซึ่งคนที่เป็นลูกไม่มีสิทธิ์ให้กล่าวว่าร้ายบุพการี

“เอ่อ...เจ้าชายไปรู้จักกับน้ำหนาวตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้ว...ทะเลาะกับน้ำหนาวมาหรือเปล่าถึงถูกน้ำหนาวแว้ดๆ ใส่จ้องราวจะกินเลือดแบบนี้”

นาราพรรณเปลี่ยนเรื่องสนทนาเอ่ยแซวเจ้าชายหนุ่มอย่างสนิทสนมพบเจอเจ้าชายซารีฟร์แค่ไม่กี่นาทีแต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่เจ้าชายหนุ่มมอบให้ในฐานะของพี่ชาย ถึงแม้จะมีพี่สาวถึงสองคนที่คอยให้ความอบอุ่นประคบประหงมน้องสาวคนเล็กตลอดเวลาแต่หญิงสาวก็อยากมีพี่ชายเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ บ้าง เพราะฉะนั้นเมื่อได้พบกับเจ้าชายซารีฟร์ที่ให้ความเป็นกันเองไม่ถือพระองค์เธอจึงให้ความสนิทสนมอย่างรวดเร็ว

เจ้าชายซารีฟร์แย้มยิ้มอบอุ่นให้สาวน้อยที่ตนเองถูกชะตาเอ็นดูเป็นน้อง เขาหันไปมองน้ำหนาวที่ยืนห่างออกไปหลายเมตรซึ่งกำลังจ้องเขม็งตาเขียวปัดมาที่ตัวเขาราวกับจะกินเลือดอย่างที่น้ำค้างเอ่ยแซวก่อนจะหันมาเอ่ยตอบคำถามของน้ำค้างด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขบขำ

“เรามีเรื่องเข้าใจผิดทะเลาะกันนิดหน่อย พี่สาวของเจ้าถึงได้งอนตุ๊บป่องอย่างที่เห็น”

น้ำค้างหันไปมองแฝดพี่ที่ยังคงตีหน้าบึ้งถลึงตาใส่ก่อนจะถอนหายใจยาว เจ้าชายซารีฟร์อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกที่แกล้งให้น้ำหนาวขัดเคือง แต่สำหรับคนที่อยู่กับแฝดพี่มาทั้งชีวิตรู้ดีว่าไม่ควรทำให้น้ำหนาวโกรธ!...

“เจ้าชายอย่าทำเป็นหัวเราะไปนะคะ น้ำหนาวเวลาโกรธใครแล้วจะโกรธนานแล้วไม่หายโกรธง่ายๆ ด้วย เจ้าชายระวังไว้เถอะ ขนาดน้ำค้างกับพี่น้ำเหนือยังเจอฤทธิ์มาแล้ว”

“อืม...คงเป็นเหมือนที่เจ้าพูดจริงๆ นั่นแหละ ดูสิ!...น้ำหนาวยังจ้องเขม็งไม่วางตา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย