พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 24

นาราพรรณเดินไปเดินมาภายในอพาร์ทเม้นท์ราวกับเสือติดจั่นใบหน้าหวานลออเต็มไปด้วยความกังวล บ่ายคล้อยลงต่ำจวนเจียนจะค่ำแล้วพี่สาวของเธอยังไม่กลับเข้าห้อง เธออยากรู้ความเป็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะจู่ๆ องครักษ์ราชิตได้มาเคาะประตูเรียกเธอในยามราตรีกาลเกือบรุ่งสาง องครักษ์หนุ่มนำถ้อยคำของเจ้าชายซารีฟร์ที่ได้ฝากมาบอกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วงน้ำหนาวเพราะพี่สาวเธอปลอดภัยดีและกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องชุดของเจ้าชาย ถึงแม้จะงุนงงกับสิ่งที่องครักษ์ราชิตได้มาแจ้งให้ทราบแต่เธอก็ไม่ได้รับคำอธิบายไปมากกว่านี้ พอองครักษ์หนุ่มกลับไปแล้วเธอก็ตาค้างนอนไม่หลับด้วยความเป็นห่วงพี่สาว

“เมื่อไหร่จะกลับมาสักทีน่ะ ไม่รู้หรือไงว่าเราเป็นห่วงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว คอยดูน่ะกลับมาเมื่อไหร่จะเฉ่งให้หูชาไปเลย ”

นาราพรรณบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่เป็นสุข ดวงตากลมโตคอยจับจ้องมองอยู่ที่ประตูห้องภาวนาให้พี่สาวกลับมาเร็วๆ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจโทรไปขอคำปรึกษาจากพี่สาวคนโต

คนที่ถูกนินทาเหมือนจะตายยากอีกไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออกกว้างพร้อมกับเรือนร่างบอบบางที่โผเผเดินโซเซเข้ามาในห้องโดยไม่พูดไม่จารีบตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตนเองแทบทันที

“น้ำหนาว ดีใจจังเลย ตัวกลับมาแล้ว”

นาราพรรณกระโดดตัวลอยรีบวิ่งเข้าไปดักหน้าแล้วยึดต้นแขนของพี่สาวภายใต้เสื้อโค้ทตัวยาวไว้แน่นไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนี

“บอกมาน่ะว่าเมื่อคืนไปพักที่ห้องของเจ้าชายซารีฟร์จริงหรือเปล่า”

“เอาไว้ก่อนได้มั้ยน้ำค้าง เราเหนื่อยขอนอนพักก่อน”

นาราภัทรเบี่ยงตัวออกสะบัดแขนเบาๆ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงอ่อน ใบหน้างามก้มนิ่งไม่กล้าสบตากับแฝดน้อง ตอนนี้เธออยากหลบไปร้องไห้ให้สมใจก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้แฝดน้องฟัง

นาราพรรณไม่ยอมให้แฝดพี่ทำตามใจนึก เธอยึดแขนเนียนไว้แน่นส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปดันปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน จากนั้นก็เปิดยิ้มหวานนำทัพแล้วเอ่ยบอกเสียงอบอุ่น

“อยากร้องไห้ใช่มั้ยน้ำหนาว ทำไมไม่กอดคอซบอกแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนสมัยเราเป็นเด็กละน้ำหนาว”

นาราภัทรโผเข้าไปกอดแฝดน้องไว้แน่นหยาดน้ำตาอุ่นไหลพร่างพรูเป็นทางยาวสะอื้นร่ำไห้จนตัวสั่นโยน เสียใจที่หัวใจเจ้ากรรมได้ตกอยู่ในบ่วงวังวนแห่งรสสิเสน่หาที่เจ้าชายซารีฟร์เป็นผู้มอบให้ เธอชอบให้มือร้อนผ่าว ริมฝีปากร้อนรุ่มกดจุมพิตลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง ชอบทุกครั้งที่เจ้าชายหนุ่มได้โลดแล่นเริงระบำอยู่บนตัวเธอและหลงรักเสียงหอบกระเส่าเสียงครางต่ำลึกที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดขณะที่เธอได้มอบความสุขสมรัญจวนใจให้กับเจ้าชายแห่งทะเลทราย

“ระบายออกมาเถอะน้ำหนาว ถ้าหากตัวไม่เล่าออกมาก็จะทำให้เจ็บปวดเป็นแผลกัดนองตลอดไปและน้ำหนาวก็รู้ว่าไม่ใช่แค่น้ำหนาวคนเดียวที่จะเจ็บปวด เราเองก็เจ็บร้าวไม่แพ้น้ำหนาว”

นาราพรรณดันเรือนร่างที่สั่นโยนออกเล็กน้อยก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาให้พี่สาวแล้วดึงให้ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กด้วยกัน

นาราภัทรสูดสะอื้นบังคับความปวดร้าวเข้าสู่กายใจก่อนจะเริ่มเล่าเรียงเหตุการณ์ให้น้องสาวได้ฟัง

“เมื่อคืน...หลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วแองจิล่าเอาพั้นซ์มาให้เราดื่มแก้วหนึ่ง เราคิดว่าเราเมาน่ะน้ำค้างเพราะตอนที่ไปเอาค่าแรงกับทอมสันเจ้าของงานเลี้ยงเรารู้สึกว่าแปลกๆ ร้อนจนอยากถอดเสื้อผ้าทิ้งให้หมด พอเข้าไปเอาเงินกับทอมสันก็เห็นไอ้พอลอยู่ในห้องด้วย”

“ไอ้พอลกับเพื่อนมันทำร้ายน้ำหนาวใช่ไหม”

นาราพรรณผุดลุกขึ้นตะโกนถามเสียงดัง ใบหน้างามหวานแดงก่ำด้วยความโกรธอยากไปถล่มผับของพอลให้รู้แล้วรู้รอดไป ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กสวยหวานน่าทะนุถนอมไปทั้งเนื้อทั้งตัวแต่บทจะบ้าดีเดือดคนอย่างเธอก็เดือดได้ถึงสุดขีดเช่นเดียวกัน

นาราภัทรเงยหน้าขึ้นแต่มองทะลุน้องสาวหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงหนึ่งวันดี

“น้ำหนาวจำไม่ได้ว่าไอ้พอลมันพูดว่าไงบ้างแต่เท่าที่สติยังพอมีอยู่น้ำหนาวเห็นเจ้าชายซารีฟร์กับองครักษ์ราชิตพังประตูเข้ามาช่วยน้ำหนาวไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกไอ้พอลกับเพื่อนมันทำลาย”

หยาดน้ำตาใสแพรวพราวร่วงพร่างพรูลงมาตามพวงแก้วแดงปลั่งพร้อมๆ กับถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยบอกน้องสาวด้วยความเสียใจ

“เราหนีเสือปะจระเข้ เจ้าชายซารีฟร์ช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมือของคนชั่วเพียงเพื่อมาทำลายเราเสียเอง”

นาราพรรณโอบแขนไปรอบบ่าเนียนที่สั่นสะท้านจากแรงสะอื้นฮักแล้วเอ่ยปลอบออกมาด้วยลึกๆ แล้วเธอไม่เชื่อว่าเจ้าชายซารีฟร์จะทำตัวเป็นนักฉวยโอกาสไปได้

“เอ่อ...เจ้าชายซารีฟร์อาจไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นก็ได้น่ะน้ำหนาว”

“แล้วเขาเป็นคนยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเราเมาไม่ได้สติแล้วทำไมเขาไม่พาเรากลับมาส่งที่ห้อง แต่นี่เขาฉกฉวยโอกาสทำลายเราเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เรียกว่าชัยชนะ”

นาราภัทรตวาดถามเสียงดังอย่างลืมตัวแต่เมื่อเห็นใบหน้าหวานละมุนของน้ำค้างถอดสีลงเล็กน้อยจึงได้เอ่ยขอโทษออกมาเบาๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย