นาราภัทรรู้สึกเสียววูบไปทั่วตัวเมื่อมือใหญ่ร้อนรุ่มแตะลงมาพร้อมกับลูบไล้สัมผัสหนักหน่วงบนบ่าเนียนแล้วเลยมาวางแน่นิ่งเหนือปทุมคู่งาม
“ทำไมมือร้อนจังเลยน้ำค้าง”
หญิงสาวเอื้อมมาจับมือร้อนรุ่มไว้เอ่ยถามเสียงเบาพร้อมๆ กับเปิดเปลือกตาขึ้นมองน้องสาว แต่แล้วก็เบิกตาโตร้องเสียงหลงผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงเมื่อได้เห็นคนที่นั่งยิ้มกริ่มให้เธอ
“เจ้าชายซารีฟร์ มาอยู่ที่ห้องน้ำหนาวได้ไง”
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่ได้ลอยมาปะทะกับดอกบัวปริ่มน้ำงดงามทำให้นาราภัทรต้องก้มลงมองหน้าอกตนเองด้วยความสงสัยจากนั้นก็กรี๊ดเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดดดด!!!...ไอ้คนฉวยโอกาส”
“น้ำหนาว หยุดกรี๊ดก่อน”
เจ้าชายซารีฟร์ผุดลุกขึ้นก้าวถอยห่างจากเตียงใหญ่หลายก้าวพร้อมกันนั้นยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเมื่อนาราภัทรไม่หยุดกรี๊ดสักที
นาราภัทรยังคงกรีดร้องไม่เลิกมือเล็กพยายามคว้าผ้าห่มขนแกะมาปกปิดกายและเมื่อขยับตัวเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความปวดระบมทั่วกายโดยเฉพาะตรงกุหลาบงามที่รู้สึกเจ็บแปลบจนต้องสูดปากเบาๆ ใบหน้างามก้มลงมองหลักฐานซึ่งปรากฎเป็นรอยจ้ำแดงๆ ทั่วทั้งปทุมอวบอิ่มทั้งสอง กระดาษ...ที่ว่าขาวซีดก็ไม่เท่ากับใบหน้าของนาราภัทรในขณะนี้ เรียวปากอวบอิ่มกัดเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาหล่อเลี้ยงก่อนจะร่วงเผาะลงมาตามพวงแก้มโดยปราศจากเสียงร่ำไห้ ความเจ็บปวดเสียใจสูญเสียศรัทธาต่อเจ้าชายแห่งอัลนูรีนเผยออกมาให้เห็นทั่วทั้งใบหน้างามและดวงตากลมโตแดงก่ำ
“คุณมันอสูรร้าย ปีศาจซาตานกลับชาติมาเกิด”
น้ำเสียงที่ต่อว่าเย็นยะเยือก หยาดน้ำตาใสที่ร่วงพร่างพรูจากดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมาราวกับกวางสาวได้รับบาดเจ็บทำเอาเจ้าชายซารีฟร์ผู้แข็งแกร่งรู้สึกปวดร้าวลงไปถึงปลายเท้า
“น้ำหนาว...เจ้าฟังเราอธิบายก่อน”
เจ้าชายหนุ่มครางร้องขอเสียงแผ่วเบารู้อยู่แล้วว่าผลพวงที่ตามมาจะต้องเป็นเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
“หยุดอยู่ตรงนั้นน่ะ”
นาราภัทรชี้นิ้วตวาดลั่น ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความโกรธเคืองระคนเสียใจกับการกระทำของเจ้าชายหนุ่มที่ฉวยโอกาสในขณะที่เธอไม่รู้สึกตัวเมาพั้นซ์ที่แองจิล่าเอามาให้ดื่ม
“คุณฉวยโอกาสทำลายน้ำหนาวตอนที่น้ำหนาวเมาไม่รู้เรื่อง”
ด้วยความเข้าใจผิดทำให้นาราภัทรชี้หน้าด่าเจ้าชายซารีฟร์ไม่ได้หยุดหย่อน คิดว่าคนคออ่อนอย่างเธอกินเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วยแค่ไม่กี่แก้วก็ทำให้เมาได้
เจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายกล้ำกลืนความเจ็บร้าวได้อย่างยากเย็นสาวเท้าเข้าหามือใหญ่เอื้อมไปจับต้นแขนเนียนพร้อมกับกระซิบร้องขออีกครั้ง
“ฟังเราพูดก่อนสิน้ำหนาว”
“บอกว่าอย่าเข้ามา”
นาราภัทรตวาดลั่นปัดต้นแขนแข็งแกร่งออกอย่างแรงหันไปคว้าแก้วนมอุ่นขว้างใส่ใบหน้าคมเข้มสุดแรงเกิด
ปึ้ก!...เพล้ง!...”
แก้วทรงสูงกระทบตรงหน้าผากเจ้าชายซารีฟร์ก่อนจะตกลงพื้นแตกกระจายไปทั่วบริเวณ นมสีขุ่นไหลรินลงมาตามใบหน้าคมเข้มพร้อมๆ กับเลือดอุ่นแดงฉาน
เสียงแก้วนมตกแตกดังลั่นเป็นตัวเรียกให้องครักษ์ทั้งสองทั้งราชิตและอาดิลเปิดประตูผั้วะเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“พระองค์ เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ”
ราชิตเป็นผู้ตะโกนถามเสียงดังด้วยความเป็นห่วงกำลังจะเข้าไปสำรวจความปลอดภัยให้กับเจ้าเหนือหัวกับดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนก็ถูกตวาดลั่นจนสะดุ้งเฮือก
“ออกไป!...”
เจ้าชายซารีฟร์กระโจนขึ้นไปบนเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางเปล่าเปลือยให้อย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา
“กระหม่อมขอเข้าไปอารักขาความปลอดภัยพะยะค่ะ”
อาดิลเป็นผู้ออกโรงด้วยความดื้อแพ่งแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อเจอตวาดลั่นอีกหน ถ้าหากได้ตวาดเสียงห้วนจัดแบบนี้แล้วแสดงว่าเจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายกำลังเดือดพล่านราวกับพายุ ใครหน้าไหนบังอาจเข้าไปขวางก็ล้วนแต่เจ็บตัวทั้งนั้น
“เราบอกให้ออกไปไม่ได้ยินหรือไง”
เจ้าชายซารีฟร์ตวาดโดยไม่ได้หันหน้าไปมองเหล่าองครักษ์ซึ่งต่างก็ตกใจรีบถอยฉากออกจากห้องนอนใหญ่แทบไม่ทัน ดวงตาคมกริบจับจ้องมองนิ่งที่ใบหน้างามหวานไม่สนใจสายเลือดอุ่นที่ยังไหลไม่หยุด
นาราภัทรตกใจหน้าซีดถอดสีเมื่อเห็นเลือดอุ่นๆ ไหลลงเป็นทางยาวอยากเอื้อมมือไปเช็ดคราบเลือดอยากถามว่าเจ็บมากไหมอยากเอ่ยขอโทษกับการกระทำของตนเองแต่ก็ไม่กล้าเมื่อได้เห็นใบหน้าคมเข้มที่จ้องมองถมึงทึงด้วยความโกรธเคือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย