เจ้าชายซารีฟร์อุ้มนาราภัทรออกมาจากรถกระชับร่างบอบบางไว้แนบแน่นไม่ให้เสื้อโค้ทตัวยาวเปิดออกเพราะนอกจากกางเกงขายาวแล้วเรือนร่างท่อนบนของหญิงในอ้อมแขนเปิดเปลือยปราศจากอาภรณ์ใดๆ ติดกาย เขาเหลือบสายตามององครักษ์เอกที่รู้หน้าที่ตนเองเป็นอย่างดีเมื่อลงจากรถแล้วก็ยืนหันหลังให้ไม่มีการสอดรู้สอดเห็นการกระทำของเจ้าเหนือหัว
“ราชิต เจ้าไปที่อพาร์ทเม้นท์ของน้ำหนาวบอกกับน้ำค้างด้วยว่าพี่สาวเธอพักอยู่กับเราที่นี่ น้ำค้างจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”
“พะยะค่ะ”
ราชิตโค้งคำนับรับคำกลับขึ้นไปที่รถคันงามอีกครั้งแต่ก่อนจะออกรถก็ได้เอ่ยบอกเจ้าเหนือหัวตามคำแนะนำของหมอหลวงที่ได้โทรข้ามทวีปไปถามเป็นการด่วน
“พระองค์พะยะค่ะ หมอหลวงบอกว่านอกจากการเอ่อ...ร่วมรักกันแล้วน้ำเย็นๆ ก็ช่วยได้เช่นเดียวพะยะค่ะ”
“อืม...ขอบใจมาก ไปได้แล้ว”
เจ้าชายหนุ่มพยักหน้ารับคำรู้ดีว่าราชิตเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงไม่มีเจตนาล้อเลียนถึงแม้จะรู้ว่ามีการบรรเลงเพลงรักเกิดขึ้นก็ตามที เขาอุ้มนาราภัทรเข้าไปในลิฟท์แล้วกดตรงไปยังห้องชุดหรูหราของตนเอง
อีกหนึ่งองครักษ์ผู้จงรักภักดีไม่เคยละทิ้งหน้าที่ของตนเองแม้ในยามเจ็บไข้ได้รออยู่แล้ว เมื่อเจ้าเหนือหัวเคาะประตูห้องแค่เพียงครั้งเดียวประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกกว้างทันที
“พระองค์ อ้าวคุณน้ำหนาว”
อาดิลร้องออกมาอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ก็เห็นดอกไม้งามแห่งสยามถูกเจ้าเหนือหัวของตนอุ้มเข้ามาในห้องชุดด้วย
“เอาไว้ถามทีหลัง ไปเปิดน้ำเย็นให้เต็มอ่างอาบน้ำ”
เจ้าชายซารีฟร์ออกคำสั่งตัดบทข้อสักถามด้วยความงุนงงขององครักษ์อาดิลที่กำลังจะพร่างพรูหลุดคำถามออกมาเป็นชุด
“พะยะค่ะ”
อาดิลรับคำสั่งรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนของเจ้าชายจากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำใหญ่เปิดน้ำเย็นลงอ่างอาบน้ำพร้อมกับโรยเกลือหอมลงไปด้วย พยายามเก็บความสงสัยไว้ก่อนเอาไว้ถามราชิตเพื่อนรักอีกทีว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณน้ำหนาวเพราะเท่าที่สังเกตแค่แวบเดียวก็รู้ว่าหญิงอันเป็นที่รักของเจ้าชายซารีฟร์นั้นมีอาการสะลึมสะลืมไม่ได้สติ
“หาประวัติของนักปั่นหุ้นที่ชื่อทอมสัน เดวิด ชาร์ มาให้เราโดยละเอียดรวมทั้งของไอ้พอลเจ้าของ The Long Night Pub ด้วย”
ดวงตาคมกริบของเจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายลุกวาวด้วยดวงไฟแห่งความพิโรธ การสั่งสอนก่อนหน้านี้ที่คฤหาสน์เรียกว่าน้ำจิ้ม เป็นการสั่งสอนแค่เบาะๆ แต่การสั่งสอนชุดใหญ่ที่กำลังจะจัดการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ต่างหากที่เรียกว่าอาหารจานใหญ่เอาให้เศษสวะทั้งสองหวาดกลัวระลึกจำไปชั่วชีวิตว่าไม่ควรมารังแกเพศแม่ที่อ่อนแอกว่าและที่สำคัญอย่าได้มาแตะต้องทำให้ดอกไม้งามของเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ได้รับความบอบช้ำ
ถึงตอนนี้อาดิลก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจของเจ้าชายหนุ่ม ชายต่างชาติสองคนนั้นคิดผิดเสียแล้วที่บังอาจมากระตุกหนวดเสือผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร
“กระหม่อมจะหาประวัติของพวงมันมาให้เร็วที่สุดพะยะค่ะ”
“ขอบใจมาก อาการไม่สบายของเจ้าเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
เจ้าชายผู้ที่ไม่เคยเพิกเฉยต่อความเป็นอยู่ของผู้ที่อยู่ใต้อาณัติได้เอ่ยถามองครักษ์ด้วยความเป็นห่วงสร้างความตื้นตันใจให้กับอาดิลเป็นยิ่งนัก เจ้าชายซารีฟร์รวมทั้งเจ้าชายฮารีฟร์ผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอัลนูรีนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่มีให้แค่ปวงผองราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินเสมอมา
“อาการท้องเสียค่อยยังชั่วแล้วพะยะค่ะ ขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงเป็นห่วงกระหม่อม”
“ไปพักผ่อนเถอะ ที่เหลือเราจัดการเอง”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยไล่เบาๆ รับรู้ได้ว่าเรือนร่างบอบบางหอมกรุ่นในอ้อมแขนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขมือนิ่มสอดเข้าไปลูบไล้ทั่วแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยไรขนอ่อนๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสูดปากด้วยความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันอยู่ตรงแก่นกายร้อนผ่าวเมื่อนาราภัทรสะกิดยอดอกด้วยปลายนิ้วแล้วตามด้วยการบีบบดเคล้าคลึงหนักหน่วง
“น้ำหนาว...หยุดเถอะ ร่างกายเจ้าจะบอบช้ำเกินไปถ้าหากเราร่วมรักกันอีกครั้ง”
น้ำเสียงถ้อยคำที่กระซิบห้ามสั่นพร่าได้พัดผ่านเลยไปราวกับสายลมละอองฝน นาราภัทรไม่รับรู้ว่าเจ้าชายซารีฟร์กระซิบห้ามอะไรบ้าง เรือนกายที่ร้อนรุ่มดอกกุหลาบหวานที่บานฉ่ำพร้อมพรักปทุมอวบอิ่มที่เต้นระริกปวดร้าวรอการปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้หญิงสาวยัดกายเข้าหาความแข็งแกร่งต้องการบรรเลงเพลิงสวาทอีกครา
“ได้โปรดเถอะน้ำหนาวร่างกายเจ้ารับศึกหนักมาแล้วพักสักนิดอาบน้ำก่อนน่ะเดี๋ยวเราจะอาบให้เจ้าเอง”
เจ้าชายหนุ่มครางแหบแห้งร้องขอเสียงอ่อนลดตัวหญิงสาวให้ยืนอยู่บนพื้นหินอ่อนภายในห้องน้ำ เรือนร่างของกายสาวบริสุทธิ์บอบบางที่บรรเลงโรมรันเพลงรักได้อย่างเร่าร้อนตอบสนองเรือนกายกำยำได้ทุกท่วงจังหวะทำนองควรได้รับการพักผ่อนปรับสภาพร่างกายบ้าง ถ้าหากให้บรรเลงเพลิงสวาทที่รุนแรงดุดันอีกครั้งเขาเกรงว่าในวันรุ่งขึ้นจะทำให้นาราภัทรปวดระบมไปทั่วเรือนกาย
ยาปลุกเซ็กส์ที่ยังคงออกฤทธิ์ไม่เลิกเป็นตัวสั่งการให้นาราภัทรส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับร้องขอเสียงสั่นกระเส่าบดเบียดเรือนกายเข้าหาเรือนกายกำยำราวกับต้องการเป็นเนื้อเดียวกัน
“ไม่! น้ำหนาวต้องการเจ้าชาย ได้โปรดอย่าห้าม รักน้ำหนาวเดี๋ยวนี้!”
นาราภัทรสั่งเสียงห้วนระคนสั่นสะอื้นเรือนกายที่ร้อนรุ่มปวดหนึบไปทั่วทั้งตัวต้องการให้เจ้าชายซารีฟร์ช่วยดับไฟร้อนฉ่าที่กำลังแผดเผาไม่มีหยุดให้เหือดหายไปจากตัวเธอ
“โธ่!...น้ำหนาว เจ้าอย่าบังคับเราเช่นนี้สิ”
เจ้าชายซารีฟร์ครางเสียงอ่อนใบหน้าคมเข้มเผยให้เห็นริ้วรอยแห่งความเจ็บปวดลำบากใจ เมื่อไหร่ที่หญิงสาวรู้สึกตัวเมื่อนั้นเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายที่คร่าความสาวสะอาดบริสุทธิ์ไปจากตัวเธอ
“เจ้าชาย น้ำหนาวทรมานเหลือเกินได้โปรดช่วยหยุดความทรมานนี้ด้วย”
หยาดน้ำตาอุ่นใสร่วงเผาะลงตามพวงแก้มท้อแท้สิ้นหวังปวดร้าวไปทั่วกายเมื่อถูกเจ้าชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางผลักเสื้อโค้ทตัวใหญ่ออกจากบ่าเล็กเผยให้เห็นดอกบัวปริ่มน้ำที่แสนงดงามหวานฉ่ำและไม่ได้หยุดแค่นี้เธอปลดซิบแล้วสะบัดกางเกงทั้งด้านนอกและผ้าลูกไม้ตัวจิ๋วออกจากสะโพกผายมนปรากฏกลีบดอกไม้งามแก่สายตาคมกริบที่กำลังมองด้วยสายตาหวานเยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยดวงไฟแห่งความปรารถนา
“รักน้ำหนาวด้วยเถอะเจ้าชายซารีฟร์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย