พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 31

คราวนี้สารถีหนุ่มเหยียบคันเร่งชนิดที่ว่ามิดเท้าเพิ่มความเร็วเต็มสปีดเต็มสมรรถภาพของรถราคาแพงพอรถตีวงโค้งพ้นทางแยก หัวใจของบุรุษชาติอาหรับทั้งสามโดยเฉพาะเจ้าชายซารีฟร์ถึงกับหล่นไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม ไกลออกไปอีกราวๆ 200 เมตรพวกเขาได้เห็นชายฉกรรจ์กำลังลากผู้หญิงเข้าตรงมุมมืดของซอกตึก

“ขอร้อง...อย่าใช่น้ำหนาวเลย”

เจ้าชายซารีฟร์พึมพำแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคออยากให้ตัวเองมีอำนาจวิเศษลอยไปช่วยเหลือหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครได้โดยฉับพลัน

นาราภัทรไม่รู้ว่าตนเองเดินท่อมๆ อยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเปล่าเปลี่ยวห่างไกลผู้คนเป็นเวลานานเพียงใดแล้ว เรือนกายที่มีเพียงลมหายใจบ่งบอกให้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ได้เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย คราวใดที่นึกถึงถ้อยคำประหัตรประหารบทรักดุเดือดที่เจ้าชายซารีฟร์ได้แสดงต่อนางแบบสาวทำเอาหัวใจดวงเล็กต้องเจ็บร้าวแทบขาดใจ ริมฝีปากขมปร่าด้วยรสแห่งความรวดร้าวที่แล่นพล่านจนจุกแน่นหายไม่ออก

หญิงสาวหยุดเดินครู่หนึ่งพร้อมกับหันกลับไปมองด้านหลังตนเองที่ค่อนข้างมืดมิดเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังเธอมา แต่เมื่อหันกลับไปมองก็พบแค่เพียงความว่างเปล่าดังเดิม

“บ้าแล้วน้ำหนาว หูฝาดไปหรือเปล่าใครจะมาเดินท่อมๆ เหมือนเธอในคืนที่เย็นยะเยือกแบบนี้”

หญิงสาวบ่นงึมงำปลอบใจตัวเองไม่ให้หวาดกลัวมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นเท้าเล็กก็ยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีทีว่าจะหยุดอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง

ลูกสมุนของอาดีบกระโดดหลบหลังต้นไม้ใหญ่แทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ ผู้หญิงที่เขากำลังสะกดรอยตามได้หันขวับมามองข้างหลังหาต้นเสียงของฝีเท้าที่เธออาจจะได้ยินท่ามกลางความเงียบสงัด ตั้งแต่เดินทางมาถึงเมืองบอสตันและเฝ้าแอบติดตามเจ้าชายซารีฟร์เขามักจะเห็นหญิงสาวที่คาดเดาไม่ผิดว่าเป็นชาวไทยได้อยู่ใกล้ๆ กับเจ้าชายซารีฟร์เสมอ หญิงสาวแสนสวยคนนี้ต้องมีความสำคัญกับเจ้าชายซารีฟร์เอามากหรืออาจจะกำลังก้าวขึ้นมาเป็นพระชายาในอนาคตเจ้าชายซารีฟร์ถึงได้ตามเกาะติดไม่ห่าง ในตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดการเจ้าชายซารีฟร์พร้อมๆ กับองครักษ์แต่เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวชาวไทยมีความสำคัญต่อเจ้าชายหนุ่มเอามากจึงได้เบนเป้าสังหารมาที่หญิงสาวผู้นี้แทน เท้าใหญ่ในรองเท้าหนังหนาหนักรีบสาวเท้ายาวๆ ก้าวตามประกบประชันชิดเรือนร่างอรชรของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าและเมื่อสบโอกาสประจวบเหมาะก็

รีบล็อกคอปิดปากหญิงสาวไว้แน่นแล้วลากเข้าตรงซอกตึกที่มืดมิดปราศจากแสงไฟ

นาราภัทรรู้สึกตัวว่ามีคนเดินตามเธอจริงๆ พอหันหลังมามองก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นชายฉกรรจ์กระโดดเข้าประชิดล็อกคอเธอไว้

“กรี๊ดดดด!!!...ช่วยด้วย”

นาราภัทรตะโกนร้องลั่นแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับกลายเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ รู้สึกหวาดกลัวสุดชีวิตยิ่งกว่าครั้งที่ถูกไอ้พอลรังแกครั้งนั้นเธออยู่ในอาการสะลึมสะลืมด้วยฤทธิ์พั้นซ์รู้สึกตัวบ้างไม่รู้สึกตัวบ้างแต่ครั้งนี้สติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วนจึงทำให้หวาดกลัวจนเข้าขั้นที่เรียกว่าช็อก หญิงสาวพยายามดิ้นรนขวนเล็บไปตามต้นแขนสกปรกใบหน้าสากเท่าที่จะช่วยเหลือตัวเองได้และผลตอบแทนที่ได้รับคือฝ่ามือใหญ่ที่สะบัดลงมาฉาดใหญ่จนใบหน้างามหันตามแรงปะทะเลือดอุ่นๆ ไหลซึมตรงมุมปากทันที

“ฤทธิ์มากนักน่ะ”

ชายฉกรรจ์จิตใจโหดเหี้ยมไร้ซึ่งมนุษยธรรมกัดฟันกรอดสบถลั่นเป็นภาษาอาหรับเมื่อหญิงสาวที่ถูกล็อกไว้แน่นยังไม่หยุดดิ้นรนก็ประเคนหมัดหนักๆ เข้าไปที่หน้าท้องแบนราบจนร่างบางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นสกปรก

“ขอสนุกสักรอบก่อนเถอะ”

กระดุมเสื้อที่หลุดออกจากรังดุมถึงสองเม็ดจากแรงฉุดกระชากลากถูทำเอาเลือดชั่วในกายพุ่งกระฉูดกระชากเสื้อตัวบางออกเต็มแรงจากนั้นก็แกะกระดุมกางเกงตัวเองออกแล้วรูดลงมาถึงแค่หัวเข่าเตรียมพร้อมที่จะสร้างรอยราคีให้กับผู้หญิงของเจ้าชายซารีฟร์

“ช่วยด้วย...เจ้าชายซารีฟร์ช่วยน้ำหนาวด้วย”

นาราภัทรร้องออกมาอย่างสิ้นหวังทั้งฝ่ามือกำปั้นหนักๆ ที่ประเคนเข้าใส่ติดๆ กันทำให้เธอเจ็บจนตัวชาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนต่อไป น้ำตาอุ่นไหลลงมาเป็นทางยาวทำไมชะตาชีวิตเธอต้องเป็นเช่นนี้ทำไมถึงได้โชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด มือเล็กพยายามควานหาเศษดินก้อนกรวดเพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันตัวเองบ้าง แต่ทุกอย่างก็ว่างเปล่าเมื่อมือบางควานเจอแค่เพียงอากาศธาตุ

“เจ้าชายซารีฟร์...ช่วยน้ำหนาวด้วย”

“ฮ่ะ...ฮ่ะ...ผู้หญิงของเจ้าชายซารีฟร์นี่หุ่นน่าฟัดจริงๆ กูจะพามึงขึ้นสวรรค์เดี๋ยวนี้”

ลูกน้องอาดีบลดตัวลงนั่งคุกเข่ากระชากกางเกงของหญิงสาวที่ตัวอ่อนปวกเปียกออก แต่มันยังไม่ได้ทำตามที่ใจนึกเมื่อมีเสียงทุ้มลึกเย็นยะเยือกของมัจจุราชลอยมาใกล้ๆ พร้อมกับคมมีดเย็นฉีดที่จ่ออยู่ตรงลูกกระเดือก

“ใช่! ผู้หญิงของกูสวยมากๆ และนี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มึงจะได้เห็น เพราะกูจะเป็นคนส่งมึงขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดด้วยน้ำมือของกูเอง”

สิ้นคำประกาศของศาลเตี้ยคมมีดที่ถือไว้แม่นก็กดหนักๆ ก่อนจะตวัดรอบเดียวเฉือนคอจนลูกกระเดือกขาดกระจุยเลือดสดๆ พุ่งใส่ใบหน้านาราภัทรจนหญิงสาวกรี๊ดร้องเสียงลั่นจากนั้นก็นิ่งเงียบเบิกตาโพล้งดูร่างของชายฉกรรจ์ที่ค่อยๆ ล้มลงไปต่อหน้า

เจ้าชายซารีฟร์ใช้เท้าเขี่ยศพลูกน้องของอาดีบออกห่างไม่มีคำว่าปราณีสำหรับคนที่บังอาจทำร้ายดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนให้เจ็บช้ำหวาดกลัว ในตอนแรกที่ได้เห็นสภาพของหญิงสาวที่ทรุดฮวบอยู่กับพื้นเขายังไม่แน่ใจว่าเป็นแก้วตาดวงใจของตนเองหรือเปล่า จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องครางขอความช่วยเหลือที่ล่องลอยมาพร้อมกับความเย็นของละอองหิมะและเมื่อได้ยินคำสบถเป็นภาษาอาหรับจากชายชะตาขาดกอปรกับการกระทำของมันที่บังอาจแตะต้องทำร้ายแก้วตาดวงใจของเขาให้เลือดตกยางออกมันก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปยังดีหน่อยที่มันถูกปลิดชีวิตโดยไม่ต้องทุกข์ทรมานเพราะถ้ามันได้สร้างรอยราคีคาวให้กับนาราภัทรแค่เพียงปลายเล็บมันจะไม่ได้ตายดีเช่นนี้

“ค้นตัวมันแล้วส่งศพกลับไปให้ท่านอาดีบ เอาให้เงียบที่สุดอย่าให้ตำรวจบอสตันได้กลิ่น”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยสั่งองครักษ์เอกทั้งสองด้วยน้ำเสียงเยือกยะเย็นไร้ความรู้สึก

“พะยะค่ะพระองค์”

อาดิลและราชิตรับคำจากนั้นก็รีบแบกร่างไร้ลมหายใจของลูกน้องอาดีบไปใส่ไว้ที่ท้ายรถแล้วกลับมาเก็บกวาดหลักฐานให้เรียบร้อยไม่ถึง 20 นาทีทุกอย่างก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติของค่ำคื่นที่เหน็บหนาวด้วยละอองไอหิมะ ไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงมุมมืดของซอกตึก

เจ้าชายซารีฟร์ถอดเสื้อโค้ทออกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้าตัวเองพร้อมกับคลุมเสื้อโค้ทตัวใหญ่ลงไปบนร่างบางที่ยังคงสั่นระริกเบิกตาโพล้งด้วยความหวาดกลัวจนเข้าขั้นช็อก

“น้ำหนาว...ยอดรัก...”

น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกเต็มไปด้วยความรักภักดีละมุนละไมเป็นห่วงหญิงสาวที่รักยิ่งกว่าสิ่งใด มือใหญ่ยื่นไปตรงใบหน้างามพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่ต้องการเช็ดคราบเลือดชั่วออกจากใบหน้าหวานซึ่งยังคงซีดเผือดยิ่งกว่ากระดาษขาว

“ไม่!...ไม่น่ะ!...ช่วยด้วย!...เจ้าชายซารีฟร์ช่วยน้ำหนาวด้วย”

ทันทีที่มือใหญ่แตะโดนใบหน้านาราภัทรก็กรี๊ดลั่นถีบเท้าขยับถอยหนีถอยร่นด้วยความหวาดกลัว ใบหน้างามสะบัดหนีมือใหญ่ น้ำตาอุ่นไหลพร่างพรูทั้งๆ ที่เจ้าชายหนุ่มที่ตนเองร่ำเรียกหาได้อยู่เบื้องหน้าแล้วแต่กลับถอยหนีอย่างหวั่นกลัวด้วยคิดว่าเจ้าชายซารีฟร์คือชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายเธอเมื่อสักครู่

เจ้าชายซารีฟร์รีบตามเข้าไปสวมกอดร่างบางที่สั่นเทาไว้แนบแน่นแต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะนาราภัทรทั้งผลักทั้งข่วนไม่ให้เขาสวมกอดปลอบประโลมได้ดังใจ

“น้ำหนาวนี่เราเอง เจ้าชายซารีฟร์ของเจ้าไง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย