“เราไปก่อนน่ะน้ำค้าง คืนนี้ไม่ต้องไปรับ เดี๋ยวเรากลับเอง”
นาราภัทรตะโกนบอกน้องสาวพร้อมกับวิ่งไปขึ้นรถรางก่อนที่รถจะออก ถ้าหากไม่ทันรถรอบนี้เธอก็ต้องนั่งรอถึง 10 นาทีกว่าจะมีรถผ่านมาอีกคัน
“บายน้ำหนาว เจอกันคืนนี้”
น้ำค้างตะโกนตอบแล้วยกมือโบกให้พี่สาวที่วิ่งเร็วปานสายฟ้าไปขึ้นรถรางจนเธอนึกกลัวว่าจะสะดุดหกล้มเอาเข้าสักวัน หญิงสาวรอจนกระทั่งรถรางเคลื่อนที่ออกจากป้ายจอดแล้วจึงได้เดินทอดน่องไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก สายลมเย็นที่โบกพัดผ่าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้ดอกไม้ที่ปลูกอยู่ริมทางเดิน พระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่กำลังอัสดงในเมืองบอสตันทำให้คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนจนน้ำตารื้นขอบตา ยิ่งคิดถึงเรื่องพ่อ พี่สาวคนโตและความใฝ่ฝันของตนเองที่พังทะลายลงพร้อมๆ กับรับรู้ข่าวร้ายเรื่องที่แม่ขายบ้านขายโรงแรมและไปอยู่กับชายอื่นทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดก็ปล่อยให้ร่วงพร่างพรูลงมาตามพวงแก้มแดงปลั่งและเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว
“น้ำค้างจะเก็บเงินช่วยพี่น้ำเหนือพี่น้ำหนาวก่อน เมื่อไหร่ที่ครอบครัวเรามีพร้อมทุกอย่างเหมือนดังเดิม น้ำค้างจะขอทำตามความฝันของตนเองบ้าง”
เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ นั่งเอกเขนกอยู่ภายในห้องชุดสุดหรูย่านเศรษฐีซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองบอสตัน ในมือหนาร้อนผ่าวมีจดหมายรักซึ่งได้จากหญิงงามแก่นแก้วที่ได้หยิบมาอ่านอีกรอบ ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มพราย นัยน์ตาคมกริบเต้นระริกมันระยับขณะกวาดสายตาตามตัวอักษรภาษาไทยที่ถูกบรรจงเขียนอย่างเป็นระเบียบ ยิ่งคิดถึงเจ้าของจดหมายที่มีใบหน้างามลออแกมแก่นเซี้ยว ดวงตากลมโตที่ชอบจ้องมองเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเอิบสีหวานช่างจรรจาเอ่ยแขวะไม่เลือกหน้ายิ่งทำให้คิดถึงโฉมงามมากกว่าเดิม
และเมื่อมันสมองที่ฉลาดเป็นกรดนึกคิดอะไรขึ้นมาได้ เจ้าชายซารีฟร์ก็ดีดตัวนั่งตัวตรงจากนั้นก็ตะโกนเรียกองครักษ์ประจำกายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
“ราชิต เข้ามาพบเราหน่อยสิ”
ออกคำสั่งเรียกองครักษ์ไม่ถึงนาทีดีเจ้าชายองค์รองแห่งทะเลทรายก็ได้เห็นเรือนร่างกำยำขององครักษ์เอกในชุดสูทสากลที่เดินมาทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้า
“พระองค์ต้องการสิ่งใดพะยะค่ะ”
ราชิตเอ่ยถามความประสงค์ของเจ้าเหนือหัวออกจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นเจ้าชายหนุ่มสวมอาภรณ์ดูแปลก
ตาไปกว่าเดิมราวกำลังจะออกไปข้างนอกยังไงยังงั้น
“อาดิลกลับเข้ามาหรือยัง”
เจ้าชายซารีฟร์ไม่ตอบคำถามองครักษ์เอกแต่ได้ถามถึงองครักษ์อาดิลซึ่งตนเองได้สั่งให้ไปสืบเสาะหาที่อยู่และสถานที่ทำงานที่น้ำหนาวได้เข้าไปเป็นบาร์เทนดี้
“ตะกี้อาดิลโทรมาบอกว่ากำลังขึ้นลิฟท์มาแล้วพะยะค่ะ พระองค์จะออกไปข้างนอกหรือพะยะค่ะ”
“อืม...ใช่ ให้อาดิลกลับมาก่อน” เจ้าชายซารีฟร์รับคำในลำคอแล้วเอ่ยสั่งราชิตที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตนเอง
“หยิบปากกาให้เราหน่อย”
“ได้แล้วพะยะค่ะ”
ราชิตหยิบปากกาด้ามแพงออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทแล้วยื่นให้เจ้าเหนือหัวจากนั้นก็สงบนิ่งไม่มีทีท่าสอดรู้สอดเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มกำลังเขียนข้อความอะไรลงไปบนกระดาษแผ่นเล็ก
“อาดิลมาถึงแล้วให้เข้ามาหาเราในห้องทันที”
เจ้าชายซารีฟร์สั่งเสียงเข้มทั้งๆ ที่กำลังก้มหน้ากำลังจรดปลายปากกาด้ามแพงลงไปบนกระดาษแผ่นเล็กอันเป็นจดหมายรักที่ได้รับจากหญิงงามแก่นแก้ว เจ้าชายหนุ่มแห่งทะเลทรายได้พลิกกระดาษสีขาวแล้วลงมือตวัดปลายปากกาเขียนจดหมายรักเป็นภาษาไทยด้วยตัวหนังสือเป็นระเบียบสวยงามให้กับเจ้าของจดหมายบ้าง
เมื่ออดรนทนไม่ไหวเพราะเห็นเจ้าชายหนุ่มลงมือจรดปลายปากกาพร้อมด้วยใบหน้าคมเข้มที่แย้มยิ้มกว้าง ดวงตาเต้นมันระยับราวกับถูกอกถูกเสียนักหนาองครักษ์ราชิตจึงได้อ้อมแอ้มเอ่ยถามเจ้าเหนือหัวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาระคนอย่างรู้
“เอ่อ...พระองค์ทรงเขียนอะไรอยู่พะยะค่ะถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นนี้”
“ตอบจดหมายรักน้ำหนาว”
เจ้าชายซารีฟร์ตอบยิ้มๆ พลางทอดสายตาไปบนตัวอักษรภาษาไทยที่ตนเองบรรจงร้อยเรียงลงไปบนจดหมายรักแผ่นเล็กจากนั้นก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตด้วยกริยาทะนุถนอม
“อาดิลมาถึงหรือยัง”
เจ้าชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งอย่างใจร้อนเมื่อมองไปยังช่องประตูห้องนอนบานใหญ่แล้วไม่เห็นองครักษ์อีกนายที่ตนเองกำลังรอคอยอยู่
“กระหม่อมมาแล้วพะยะค่ะ”
อาดิลรีบตะโกนตอบเจ้าเหนือมาแต่ไกลเมื่อเปิดประตูห้องชุดเข้ามาแล้วได้ยินถ้อยคำน้ำเสียงที่เจ้าชายหนุ่มได้เรียกหาตน
“ได้เรื่องว่าไงบ้างอาดิล”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อๆ ขององครักษ์อาดิลโผล่เข้ามาในห้องนอน ไม่ต้องรอให้องครักษ์ได้หายใจหายคอพักเหนื่อยเพราะสิ่งที่ตนอย่างรู้นั้นได้จุกแน่นทั่วกายใจ
อาดิลสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าเหนือหัว “คุณน้ำหนาวพักอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่เท่าไหร่ และวันนี้คุณน้ำหนาวออกไปทำงานที่ผับของคนที่ชื่อพอลแล้ว กระหม่อมได้ที่อยู่มาเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ”
“แล้วเรื่องที่น้ำหนาวกับน้องสาวต้องทำงานหนักหาเงินไปซื้อบ้านกับเรื่องพี่สาวของเธอล่ะ เจ้าหาข้อมูลมาได้หรือเปล่า”
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าหากเขาได้เอ่ยถามกับท่านพี่ฮารีฟร์คงได้รับคำตอบที่กระจ่างแจ้งทั้งหมดรวมถึงเรื่องของหญิงงามชาวสยามที่ชื่อนีราพรรณหรือน้ำเหนือซึ่งตัวท่านพี่ฮารีฟร์กำลังจะอภิเษกด้วยทันทีที่จัดการปัญหาคาราคาซังภายในอัลนูรีนได้สำเร็จ แต่จู่ๆ จะให้เอ่ยปากถามท่านพี่ตรงๆ เลยก็ดูไม่เหมาะสมเกรงว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวมากเกินไป เพราะฉะนั้นการให้เหล่าองครักษ์แอบไปสืบเสาะหาข้อมูลมาจากองครักษ์ของท่านพี่ฮารีฟร์อีกทีเห็นจะเป็นการดีที่สุด
อาดิลค่อยๆ ลำดับเรียงเรื่องราวที่ได้รับมาก่อนจะเอ่ยบอกกับเจ้าเหนือหัวของตน
“เจ้าชายฮารีฟร์ได้เดินทางไปเมืองไทยเพื่อเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมของคุณนีราพรรณพี่สาวของคุณน้ำหนาวกับน้ำค้าง นอกจากนั้นเจ้าชายยังได้ซื้อบ้านของพวกเธอไว้ด้วย คุณกมลบิดาของนางฟ้าทั้งสามล้มป่วยด้วยโรคหัวใจและช็อกจนหมดสติเมื่อได้รับคำสั่งจากเอ่อ...เจ้าชายฮารีฟร์เจ้าของบ้านคนใหม่ให้ย้ายออกจากบ้านภายใน 30 วัน”
อาดิลเอ่ยบอกประโยคท้ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยเกรงว่าคำพูดของตนจะทำให้เจ้าชายซารีฟร์ผู้เป็นอนุชารู้สึกขัดเคือง
“เออแฮะ!...เพิ่งรู้ว่าท่านพี่เล่นบทโหดก็เป็น”
เจ้าชายองค์รองแห่งอัลนูรีนยิ้มพรายไม่ได้โกรธเคืองกับถ้อยคำขององครักษ์ที่ได้ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดให้ตนเองทราบแต่ในทางกลับกันกลับเอ่ยแซวผู้ที่เป็นเชษฐาซึ่งอยู่ห่างไกลกันคนละถิ่นแดน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย