ทันทีที่พวกเขาได้รับคำสั่ง ลูกน้องอย่างเด็กเสิร์ฟก็ออกไปปฏิบัติตามหน้าที่
ไม่นานเด็กเสิร์ฟก็กลับไปที่ห้องส่วนตัวและแจ้งพวกแขกตามที่ได้รับคำสั่งมา แน่นอนว่าวสินไม่ยอมฟังและยืนกรานที่จะพบกับผู้จัดการร้าน
จากนั้นสมาชิกตระกูลทิพย์บดีต่างสับสนเมื่อบรรดาการ์ดเข้ามาในห้อง จนในที่สุดพวกเขาก็โดนการ์ดโยนออกมานอกร้านโดยที่ระหว่างนั้นทั้งวสินและหนิงหนิงขัดขืนและเรียกร้องจะเจอตัวผู้จัดการ
“แม่งเอ้ย!”
การ์ดโมโหมากเลยตบหน้าทั้งสองคนที่พูดไม่รู้เรื่องก่อนโยนพวกเขาออกไปนอกร้าน
“โอ้ย!”
“มันเจ็บนะเว้ย”
ทั้งวสินและหนิงหนิงต่างร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไอ้พวกเลว พวกแกกล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้”
“พวกแกไม่รอดแน่!”
“แกกล้าดียังไงมาทำชุดฉันเลอะฮะ”
“ไอ้พวกตลาดล่าง แกมีปัญญาซื้อชุดชดใช้ฉันหรือไง”
หนิงหนิงยังคงตะโกนด่าด้วยความโมโห
“ลองตะโกนด่าอีกสิ ฉันจะตบแกให้เลือดกบปากเลยคอยดู!” การ์ดคนนึงตะโกนใส่หน้าหนิงหนิง เธอเลยยอมหุบปากในทันที
“ใครพอรู้บ้างว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”
“น่าขายหน้าสุดๆ”
แขกที่กำลังรื่นเริงกันเมื่อครู่นี้ มาตอนนี้กลับโดนโยนออกมาจากร้านอาหาร พวกเขาโดนลากไปมาจนรู้สึกขายขี้หน้าและเสียศักดิ์ศรี วรรณาคอยพร่ำบ่นว่าเธอเสียหน้า ส่วนดิเรกผู้เป็นหัวหน้าตระกูลทิพย์บดีก็มีสีหน้าบึ้งตึงเพราะเขาไม่เคยรู้สึกขายหน้าเท่านี้มาก่อน คราวนี้เขาโดนโยนออกมาจากร้านอย่างกับหมูกับหมาระหว่างรับประทานอาหาร
ตอนนี้แขกในร้านทุกคนจึงมายืนรวมกันหน้าภัตตาคารไฮหยวน
บรรดาพนักงานได้ใช้เทปกันทางเดินไว้ท่ามกลางฝูงชนเพื่อเตรียมต้อนรับแขกวีไอพีที่กำลังจะมาถึง รวมถึงได้ปูพรมแดงไว้ตั้งแต่ทางเข้าร้านจนถึงถนนหลัก
“ว้าว!”
“ดูสิ นั่นประธานของเหว่ยกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ หนึ่งในสิบผู้ประกอบการอายุน้อยในจังหวัดเจียงตงนี่นา เขาเป็นถึงตัวแทนของสภาประชาชนแห่งชาติแต่ก็โดนไล่ออกมาเหมือนกันเหรอ”
“แล้วเถ้าแก่คนนั้นเป็นหัวหน้าตระกูลทิพย์บดีไม่ใช่เหรอ โดนไล่ออกมาเหมือนกันเหรอเนี่ย”
“ให้ตายสิ คนนั้นก็ผู้อำนวยการอัศวิน เขาเป็นถึงหัวหน้าอาวุโสของคณะเทศมนตรีเลยนะก็โดนไล่ออกมาเหมือนกันเหรอ”
“ว…วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“แขกวีไอพีระดับประเทศกำลังจะมางั้นเหรอ”
“ตื่นตูมกันเสียจริง!”
พอบรรดาแขกเห็นว่าคนมีอิทธิพลระดับต้นๆ ของเมืองหยุนโจวโดนไล่ออกมาจากร้าน พวกเขาก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่
เมื่อแขกทุกคนได้เห็นการเตรียมการอันเอิกเกริก พวกเขาจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าแขกผู้ลึกลับของภัตตาคารไฮหยวนคือใคร
แขกคนไหนกันนะที่ทำให้ภัตตาคารไฮหยวนเตรียมงานใหญ่โตซะขนาดนี้ แถมยังกล้าทำให้พวกชนชั้นสูงโกรธอีก!
พอตระกูลทิพย์บดีเห็นว่าบรรดาคนมีชื่อเสียงและชนชั้นสูงคนอื่นๆก็โดนไล่ออกมาจากร้านเหมือนกัน พวกเขาก็รู้สึกดีขึ้นและสงสัยเหมือนกันว่าแขกคนสำคัญคนนี้คือใคร
พิมมาที่สงสัยเหมือนกันจึงเงยหน้าชะเง้อมอง
บูม~
ในที่สุดเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นจากสุดถนนท่ามกลางความวุ่นวาย ขบวนรถแหวกทางผ่านฝูงชนเข้ามาพร้อมกับเสียงคำรามของปีศาจ
ไม่นานขบวนรถก็แล่นมาทางภัตตาคารพร้อมส่องแสงสีส้มแดงผ่านท้องฟ้าอันมืดมิด
การเคลื่อนตัวของขบวนรถดูราวกับคลื่นน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง!
ไม่นานรถกันกระสุนสีดำก็มาถึงหน้าภัตตาคารพร้อมกับรถนำขบวนคันอื่นๆ
“ว้าว!”
“รถโรลส์-รอยซ์!”
“ตั้งหกคันเลยเหรอ”
“พระเจ้า!”
“นี่มันขบวนรถอะไรกันเนี่ย!”
บรรดาแขกเหรื่อต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่อีกรอบ ทุกคนล้วนตื่นตากับขบวนรถอันหรูหรา พอวสินได้เห็นขบวนรถนี้เขาก็รู้สึกต่ำต้อย
ในที่สุดประตูรถก็เปิดขึ้น
ลูกน้องมากมายต่างมายืนตั้งแถวรอต้อนรับทั้งสองฝั่งของพรมแดงและตะโกนกันอย่างพร้อมเพรียง
“ยินดีต้อนรับครับ นายน้อยฟาน!”
“ยินดีต้อนรับครับ นายน้อยฟาน!”
บูม~
เสียงตะโกนของพวกเขาก้องกังวานไปทั่ว
ในขณะที่บรรดาดลูกน้องกำลังตะโกนกันอยู่นั้น หัวหน้าร้านก็ออกมารับแขกผู้ลึกลับพร้อมกับพนักงานหญิงที่ออกมาโค้งคำนับเพื่อต้อนรับเขากันอย่างพร้อมเพรียง
ภายใต้แสงอันมืดสลัวและสายตาอันรักใคร่ของบรรดาแขก ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวเดินผ่านพรมแดงเข้าไปในตัวภัตตาคาร
บรรดาแขกต่างมองเขาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“ว้าว หล่อจัง!”
“ยังหนุ่มอยู่เลย~”
“เขาต้องรวยมากแน่ ๆ”
“อยากแต่งงานกับเขาจัง~~”
บรรดาสาวๆทั้งหลายต่างกรีดร้องออกมาและหวังว่าจะได้แต่งง่านกับเขา
“อย่าดันสิวะ”
“อีพวกบ้า!”
เนื่องจากสมาชิกตระกูลทิพย์บดียืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ไม่ค่อยดี พวกเขาจึงโดนดันไปด้านหลัง พอพวกเขาได้มาอยู่ด้านหน้าก็เห็นแค่หลังของชายหนุ่มเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย