จากนั้น เซียวป๋อชิงไม่สนใจคำห้ามของไป๋หว่านเหลียนอีกแล้ว กัดฟันกรอด กระทืบเท้า ลากนางแล้วคุกเข่าให้แก่ไป๋ซือหวงพร้อมกัน
นักพรตเฒ่ายังคงพล่ามพูดอยู่ข้าง ๆ “คุกเข่าสามคำนับเก้า ห้ามขาดแม้แต่อย่างเดียว”
เซียวป๋อชิงใบหน้าแดงก่ำ ใช้แรงกดหัวไป๋หว่านเหลียน โขกลงไปสามครั้ง จนทำครบเก้าครั้ง
ไป๋หว่านเหลียนร้องห่มร้องไห้หนัก ในใจแทบอยากให้ไป๋ซือหวงรีบไปเร็ว ๆ
เลิกทรมานนางเสียทีเถิด
ไป๋ซือหวงรับการคำนับอย่างจริงจังจนครบถ้วน อดกลั้นไม่ไหว สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา
“ปัญญาอ่อนทั้งคู่จริง ๆ หาว่าข้าโง่ คนที่ไม่รู้จักแยกแยะคนกับผี มิยิ่งโง่กว่าหรอกหรือ?”
“ขอบอกให้รู้ ข้ายังไม่ตายหรอก ถ้าข้าตายจริง คงไม่มาซ้อมพวกเจ้าง่าย ๆ แค่นี้”
ได้ยินคำเหล่านี้เข้า เซียวป๋อชิงเกิดอาการเหมือนโดนทุบหัว
เขา...เขาถูกหลอกหรือนี่!
จึงหันหลังไปด้วยความเดือดดาล คิดจะถามนักพรตเฒ่า ว่าทำไมเรื่องถึงกลายเป็นเช่นนี้
ปรากฏว่าเห็นคนที่ไหนกัน แม้แต่เงินที่วางอยู่บนโต๊ะก็พลอยหายจ้อยไปด้วย!
นึกถึงการกระทำขี้ขลาดของตนเอง เขากระแอมเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น หน้าแดงซักถามว่า “เจ้านี่มันร้ายนัก แกล้งปลอมตัวเป็นผีสาง ซ้ำยังใช้กำลังกับข้าและเหลียนเอ๋อร์อีก ควรมีโทษสถานใด!”
ไป๋หว่านเหลียนคล้ายตื่นจากความฝัน
ก็สงสัยอยู่ว่าหน้าประตูติดยันต์โลหิตไว้ ถ้าไป๋ซือหวงเป็นภูตผีจริง จะเดินเข้ามาง่าย ๆ ได้อย่างไร
กลิ่นคาวเลือดบนใบหน้าทำให้นางรู้สึกคลื่นเหียน ไป๋หว่านเหลียนพยายามเก็บงำความแค้นไว้ในใจ เปลี่ยนเป็นน้ำตาคลอเบ้าแทน
“ท่านแม่ทัพ ท่านพี่ยังไม่ตายก็ดีแล้ว ข้าจะได้หายห่วง แต่นางลบหลู่ข้าเช่นนี้...”
“เจ้าช่างเล่นละครเก่งจริง ทั้งที่ตัวเองพาคนไปทำร้ายข้า ทุบตีจนตายแล้วเอาศพไปทิ้งน้ำ เคราะห์ดีที่ยมบาลท่านเมตตา รักษาโรคปัญญาอ่อนของข้าจนหาย ส่งกลับมายังโลกมนุษย์ใหม่”
“มิเช่นนั้น พวกหน้าโง่ในจวนนี้คงถูกเจ้าหลอกจนหัวปั่น”
ไป๋ซือหวงเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย น้ำเสียงใสส่อแววประชดประชัน
ไป๋หว่านเหลียนใจเต้นโครม นางไม่โง่อีกแล้ว
นางมองหน้าไป๋ซือหวงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดอย่างตื่นตะลึง สบเข้ากับดวงตาคมกริบของนาง แทบทำให้ตัวสั่น
เซียวป๋อชิงตวาดเสียงดุ “พูดจาเหลวไหล บอกว่ามีคนปองร้ายเจ้า เจ้ามีหลักฐานอันใด!”
“นี่แหละคือหลักฐาน!”
ไป๋หว่านเหลียนเหมือนจู่ ๆ นึกอะไรได้ แอบรู้สึกดีใจเงียบ ๆ แต่สีหน้ากลับละอายจนคุกเข่าลง “ท่านแม่ทัพ ต่างหูคู่นี้ข้าได้มอบแก่สาวใช้คนสนิทคือเซียงชุนไปนานแล้ว ส่วนนางจะใส่ต่างหูแล้วไปทำอะไรบ้าง ข้าคงไม่อาจล่วงรู้ได้”
กล่าวจบ นางก็ส่งสายตาให้แก่เซียงชุน เซียงชุนหน้าซีดลงทันควัน
เห็นทีว่า อนุเหลียนจะให้นางเป็นแพะรับบาปแทนเสียแล้ว
นึกถึงชีวิตพี่ชายกับน้องสาวที่อยู่ในมือนาง ก็จำต้องคุกเข่าลงอย่างเจ็บปวด
“ท่านแม่ทัพ เพราะข้าไปขโมยของแล้วถูกฮูหยินจับได้ จึงเกิดความคิดเลวร้าย จับนางไปทุบตีแล้วทิ้งลงน้ำ ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับอนุเหลียนเลย”
เซียวป๋อชิงโกรธเคืองอย่างหนัก วุ่นวายมาทั้งวัน เหตุเกิดเพราะก็นังไพร่ชั้นต่ำนี่เอง
ว่าแล้วก็ยกเท้าถีบไปที่หน้าอกของนาง เซียงชุนไหนเลยจะรับไหว กระอักเลือดแล้วหมดสติไปในบัดดล
“ลากตัวนางออกไป แล้วโบยตีให้ตายซะ!”
เซียงชุนถูกจับตัวไป สาวใช้อื่น ๆ ต่างพากันอกสั่นขวัญแขวน ฮูหยินช่างน่ากลัวเหลือเกิน กลับมาไม่ทันไรก็ทำให้สาวใช้ของอนุเหลียนต้องตายเสียแล้ว
งั้นต่อไปอนุเหลียนมิต้อง...
“ภาษิตว่าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก สาวใช้ลงโทษไปก็จริง ท่านแม่ทัพอย่าลำเอียงเข้าข้างน้องคนดีของข้าล่ะ”
ไป๋ซือหวงกล่าวเสียงเย็นเตือนสติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลังแห่งจันทรา