เขามือสั่นอย่างแรง โยนสิ่งของนั้นทิ้งไปกับพื้น
“ท่านแม่ทัพ ข้าเอง...”
ไป๋หว่านเหลียนล้มฟาดไปกับพื้นอีก จนร่างกายแทบจะแตกออก นางหายใจแผ่วเบา เอื้อมมือที่สั่นเทาออกมา
คบไฟส่องหน้า เซียวป๋อชิงจึงเห็นชัดว่าวัตถุน่ากลัวนั้นที่แท้คืออนุคนโปรดของเขา!
เขารีบไปอุ้มนางด้วยความเป็นห่วง “เหลียนเอ๋อร์ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ เป็นฝีมือผีร้ายตนไหนงั้นหรือ?”
“ท่านแม่ทัพ ข้าตายตาไม่หลับจริง ๆ ท่านโปรดออกหน้าแทนข้าด้วย”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น เซียวป๋อชิงเหลือบตามองไป ก็เห็นใต้ต้นไม้มีผีน่ากลัวใส่ชุดแดงอยู่หนึ่งตน
ซ้ำยังแสยะยิ้ม ใต้ตามีคราบโลหิตไหลเป็นทาง
นอกจากเขากับนักพรตเฒ่าแล้ว คนอื่นล้วนแต่ร้องไห้หนีกระเจิงไปหมด
เซียวป๋อชิงยืนชะงักอยู่ที่เดิม
ไป๋ซือหวงตายแล้วมิใช่หรือ?
ยังไม่ครบเจ็ดวันแรกเลย ทำไมวิญญาณกลับมาได้ล่ะ?
เขาซักถามนักพรตเฒ่า “ไหนบอกว่าท่านได้วางค่ายกลไว้ แล้วนางยังฝ่าเข้ามาได้ยังไง!”
นักพรตเฒ่าอดกลั้นจนหน้าแดง “คือ...คือว่า...”
เขาควรจะแต่งเรื่องยังไงดี?
ไป๋ซือหวงยิ้มหยัน คลายเชือกที่อยู่บั้นเอวออก รัดจนนางแสนจะอึดอัด
“ข้าก็ไม่อยากกลับมาเจอชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเจ้าอีก แต่น้องรักของข้าเที่ยวประกาศว่าข้าตกน้ำตาย แท้จริงแล้วข้าถูกนางกระหน่ำตีจนตาย แล้วโยนทิ้งน้ำต่างหาก”
“ยมบาลสุดจะทนดูได้ ไม่ยอมรับข้าไว้ สั่งให้กลับมาเอาชีวิตพวกเจ้าก่อนค่อยไปเกิดใหม่อีกที”
“และวันนี้ ก็คือวันตายของพวกเจ้า!”
นางพูดดัดเสียง ให้เสียงแหลมขึ้นจนดังก้องไปทั่ว
ไป๋หว่านเหลียนหวาดกลัวนัก รีบจับแขนเซียวป๋อชิงไว้แน่น “ท่านแม่ทัพ อย่าไปฟังนางพูดเพ้อเจ้อนะ”
“คำพูดของผีจะไปเชื่อได้อย่างไร?”
นักพรตเฒ่าเหมือนเข้าใจความหมายของไป๋ซือหวง รีบพยักหน้าตอบรับ “ใช่ ๆ นางตายอย่างอนาถ ยมโลกจะไม่ยอมรับวิญญาณประเภทนี้”
“แล้วจะทำไงดี? จะปล่อยให้นางอาละวาดอยู่อย่างนี้น่ะหรือ?”
เซียวป๋อชิงเบื่อหน่ายยิ่งนัก ยายโง่คนนี้ ตอนอยู่ก็ทำตัวน่ารังเกียจ ตายแล้วยังราวีไม่เลิกอีก
“ท่านแม่ทัพ บัดนี้ได้แต่ให้ท่านออกหน้า ท่านเป็นสามีของนาง ลองพูดคุยถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน เผื่อนางจะใจอ่อน แล้วยอมไปง่าย ๆ ก็ได้”
“ผีก็เป็นผู้หญิง ต้องการให้เอาใจเช่นกัน”
นักพรตเฒ่าพยายามที่จะเกลี้ยกล่อม
เมื่อครู่เซียวป๋อชิงยังไม่ทันคิดอะไร จึงไม่มีความหวาดกลัว แต่พอเพ่งดูไป๋ซือหวงที่กลายเป็นผีดุร้าย ก็ชักนึกหวาดหวั่นขึ้นมา
แต่ก็ไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ทนฝืนเดินขึ้นหน้าไป
วันนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องไล่นางไปให้ได้ หาไม่อีกหน่อยครอบครัวคงไม่ได้อยู่เป็นสุข
“ท่านแม่ทัพ ท่านนักพรตพูดมีเหตุผล ท่านวางข้าลงแล้วไปเถอะ”
ไป๋หว่านเหลียนรู้ว่าต้องไปเข้าใกล้ไป๋ซือหวงอีก ก็แทบอยากหนีนางไปให้ไกล ๆ
เซียวป๋อชิงรับรู้ถึงอาการสั่นของนาง จึงได้พูดเบา ๆ “เพราะข้าไม่ดีเอง ลืมไปว่าเจ้าเป็นคนขวัญอ่อน”
เขาค่อย ๆ วางตัวนางลง แล้วเดินก้าวไปข้างหน้า
ไป๋หว่านเหลียนยังไม่วายร้องห่มร้องไห้เล่นละครซ้ำ “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องระวังหน่อยนะ ท่านพี่กลายเป็นผี นางดุร้ายมากเลย”
ไป๋ซือหวงเห็นชายโฉดเดินมาใกล้ พร้อมกับขาที่สั่นเกร็ง นางก็ให้เหลือบตามองบน ช่างใจเสาะนัก
ท่ามกลางความมืด นางได้เห็นใบหน้าของชายโฉด
รูปลักษณ์ที่ดูคมสัน คิ้วเข้มนัยน์ตาวาว นับว่าเป็นหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง
เสียดายเป็นคนไม่เอาไหน
เซียวป๋อชิงไม่กล้าล่วงเกินฮ่องเต้ จึงยอมแต่งงานกับเจ้าของร่างเดิม แต่งแล้วก็กลับทอดทิ้งนาง จะกินอยู่อย่างไรล้วนไม่ใยดีทั้งสิ้น
“อย่า ๆ ๆ แม่จ๋าช่วยด้วย”
กวาอีทรุดกายลงพื้น นั่งกอดเข่าซุกหน้าซะเลย
ฮือฮือฮือ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เซียวป๋อชิงเตะไปหนึ่งป้าบ เจ้าเศษสวะ
ความเจ็บปวดทำให้เขาเพิ่งนึกได้ ทำไมฝ่ามือของผู้หญิงคนนี้คล้ายกับมีไออุ่น?
เขาหันไปมองนักพรตเฒ่า แอบหรี่ตาเล็กน้อย “ท่านนักพรต ถือว่าข้าความรู้น้อย ท่านจงอย่าหลอกข้าอีก ผีจะทำร้ายมนุษย์ได้หรือ?”
นักพรตเฒ่าอึก ๆ อัก ๆ “คือว่า...แบบว่า...ทำร้ายได้แน่นอน ท่านแม่ทัพ รีบส่งนางไปเสียเถอะ แรงอาฆาตของนางรุนแรงนัก ถ้าไล่ไม่ไป พวกเราอาจจะถูกนางเอาตัวไปแทน!”
ไป๋ซือหวงเกือบจะหลุดขำออกมา เจ้านักพรตต้มตุ๋นนี่ ช่างรู้จักยืดหยุ่นดีแท้
เซียวป๋อชิงเห็นนักพรตเฒ่าสีหน้าหวาดหวั่นจริง จึงค่อยคลายความสงสัยไปบ้าง
คน ๆ นี้ต้องใช้เงินตั้งหลายพันตำลึง เสียค่าเลี้ยงดูปูเสื่อหลายมื้อกว่าจะเชิญตัวมาได้
เขามีหนังสือรับรองพร้องตราประทับว่าเป็นนักพรตจริง คงไม่หลอกลวงหรอกน่า
“เมื่อกี้ข้าอุตส่าห์พูดดีด้วยแล้ว นางยังไม่ยอมไปอีก จะให้ข้าคุกเข่าขอร้องหรืออย่างไร?”
“ใช่ขอรับท่านแม่ทัพ ท่านกับเหลียนฮูหยินต้องคุกเข่าสามคำนับเก้าหน คงมีแต่วิธีนี้” ไม่รู้จะชมหรือด่าดี นักพรตเฒ่าช่างเสนอแนะได้เก่งจริง
ไป๋หว่านเหลียนขมวดคิ้วห้ามปราม “ท่านแม่ทัพ ท่านจะคุกเข่าให้ท่านพี่ได้ยังไง มิเป็นการผิดธรรมเนียมหรอกหรือ”
และนางก็ไม่ยอมคุกเข่าให้ผีร้ายด้วย
“ท่านแม่ทัพ รีบคุกเข่าเถอะ ถ้าเลยเที่ยงคืนไปจะยิ่งแย่ใหญ่” นักพรตเฒ่าเร่งรัดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไป๋ซือหวงกลั้นยิ้มแล้วพูดแทรก “ใช่ ๆ ๆ คุกเข่าให้ข้าแล้วข้าจะไปหายมบาลทันที”
เซียวป๋อชิงได้ยินดังนี้ ก็รีบถาม “นี่เจ้าพูดเองนะ อย่าหลอกข้าล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง คำไหนคำนั้น”
ไป๋ซือหวงตบอกรับประกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลังแห่งจันทรา