ในขณะนั้น หน้าประตูไม่มียามเฝ้าซักคน มีเพียงยันต์สีแดงที่ดูแล้วเหมือนใช้เลือดไก่เขียนขึ้นมา
วัวสันหลังหวะเอ๊ย คงกลัววิญญาณของนางจะกลับมาแก้แค้นสิท่า
ไป๋ซือหวงแอบเข้าจวนเงียบ ๆ เห็นตามหน้าต่างและเสาแขวนด้วยดอกไม้สีขาว ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง กระดาษเงินลอยล่องทั่วฟ้า
เสียงกระดิ่งทองแดงดังกังวานสะท้อนไปมา ฟังแล้วชวนสยองยิ่งนัก
กลางลานนั้น มีโต๊ะสี่เหลี่ยมปูด้วยผ้าเหลือง พร้อมตั้งกระถางธูปไว้ มีหุ่นกระดาษ หมั่นโถวที่แต้มจุดสีแดงและน้ำเปล่า
บ่าวไพร่หลายคนกำลังช่วยกันจัดวาง
ดูจากรูปการณ์ คงคิดว่านางตายแน่แล้ว
ไป๋ซือหวงแววตาเย็นเยียบ เดินอ้อมผ่านของเหล่านี้ ไม่ทันไรก็ถึงเรือนดอกปทุมที่ไป๋หว่านเหลียนพักอาศัยอยู่
ภายในเรือน แสงไฟดูริบหรี่ ไป๋หว่านเหลียนส่องคันฉ่อง ลูบไล้ใบหน้าเหมือนคนที่หลงในตัวเอง “เซียงชุน เจ้าว่าข้างามหรือไม่?”
“งามเจ้าค่ะ งามเลิศที่สุดแล้ว ไว้ท่านได้เป็นฮูหยินเมื่อไหร่ คงจะยิ่งงามกว่านี้”
“นังตัวดีนั่นตายไปแล้ว ส่งวิญญาณไปเรียบร้อย ต่อไปท่านก็คือหญิงเดียวที่อยู่เคียงข้างท่านแม่ทัพ”
เซียงชุนปากหวานไม่น้อยทีเดียว
ไป๋หวานเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “รอไว้พรุ่งนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ทัพส่งตัวเด็กประหลาดเสี่ยวหลางมาให้ข้าเลี้ยงดูแทน”
“รอให้ข้ามีลูกของตัวเองเมื่อไหร่ เขาก็ควรจะตายซะ”
พูดพลาง จู่ ๆ ก็พบว่าที่ติ่งหู มีต่างหูโมราแดงที่โปรดปรานหายไปข้างหนึ่ง
นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านแม่ทัพมอบให้นาง
“เจ้าเห็นต่างหูของข้าบ้างมั้ย?”
“สงสัยตอนไปจัดการนังตัวดีนั่น อาจทำหล่นไปในน้ำหรือเปล่าเจ้าคะ”
เซียงชุนตอบไปตามตรง สายตายังคงจับจ้องต่างหูโมราที่เหลือเพียงข้างเดียวด้วยความอยากได้
ไป๋หว่านเหลียนมองจากคันฉ่องเห็นชัดเจน จึงได้ถอดต่างหูแล้วมอบให้นาง
“วันนี้เจ้าทำงานเหนื่อยมาก นี่คือรางวัล น้องสาวเจ้าป่วยหนักไม่ใช่หรือ เอาไปรักษาให้นางซะ”
“เจ้าค่ะ อนุเหลียน”
เซียงชุนรับต่างหูมาด้วยความซาบซึ้ง พร้อมใส่ไว้ที่หูของตัวเอง
ไป๋ซือหวงอยู่ข้างนอกได้ยินคำสนทนาของนายบ่าวสองคนอย่างชัดเจน
ฆ่านางแล้ว ยังคิดฆ่าลูกของนางอีกหรือ?
อย่าฝันไปหน่อยเลย!
นางถือเชือกที่หยิบมาจากลานบ้าน จากนั้นก็ปีนขึ้นต้นไม้ด้วยความว่องไว เอาเชือกด้านหนึ่งผูกกับกิ่งไม้ไว้ ส่วนอีกด้านมัดกับเอวตัวเอง
ผมเผ้านางยุ่งเหยิง เสื้อคลุมสีแดงครอบอยู่บนหัว โผล่ลูกตาดำ ๆ ออกมาตามรอยปริ
เลือดไก่ที่หยิบมาก็เทจากหัวลงไปไม่ให้เสียของ
แหวะ กลิ่นคาวชะมัด แต่ก็ใช้ได้ผล
ไป๋ซือหวงแอบอยู่ในความมืดมิด พร้อมกลายร่างเป็นผีที่สวมชุดแดงเต็มไปด้วยเลือดท่วมตัว
จากนั้น นางก็ปีนขึ้นต้นไม้ ออกแรงกระตุก โหนเชือกไปทางเรือนที่พักของไป๋หว่านเหลียน
สองนายบ่าวที่อยู่ข้างในรู้สึกเหมือนมีลมเย็นบาดผิว ให้หนาวสั่นจนขนลุกชัน
ชั่วขณะนั้น ไป๋หว่านเหลียนเห็นเงาสีแดงเลือนรางลอยผ่านหน้าต่างมา
ถัดจากนั้น ใบหน้าที่ชุ่มด้วยโลหิต รอยแผลยับเยินก็ปรากฏยังเบื้องหน้า แววตาเยียบเย็นของไป๋ซือหวงแลดูว่างเปล่า เลือดสด ๆไหลจากศีรษะลงเบื้องล่าง
ไป๋หว่านเหลียนทั้งโกรธทั้งอาย ลูบคลำสะโพกคิดจะวิ่งหนี แต่กลับถูกจับไว้อีก
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่า จะฆ่าลูกข้าด้วยใช่ไหม?”
ไป๋ซือหวงบังคับให้ไป๋หว่านเหลียนมองหน้าตนเองด้วยแววตาสีแดงก่ำ
ปั่กปั่กปั่ก!
อีกสามทีที่ฟาดไม้ลงสะโพกของนาง ไป๋หว่านเหลียนเจ็บทั้งสะโพกและเอวจนแทบกระดิกตัวไม่ไหว
“ข้าไม่กล้าแล้ว...”
สีหน้านางซีดเผือด ร้องไห้จนเครื่องแต่งหน้าเลอะหมด
ไป๋ซือหวงจับตัวนางโยนไปเหมือนทิ้งเศษขยะ พร้อมเหยียบลงที่ใบหน้าของนางเหมือนที่นางทำกับเจ้าของร่างเดิม
“ไม่กล้าก็ดีแล้ว”
“อนุ...ยังไงก็คืออนุ อย่าหวังว่าจะได้เป็นเมียเอก เจ้าคู่ควรหรือ?”
ไป๋หว่านเหลียนโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง ความเจ็บที่ใบหน้าทำให้น้ำตาร่วงเผาะเป็นเม็ดโต ๆ
ทันใดนั้น ข้างนอกก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น
คงเพราะนังสาวใช้ไปส่งข่าวให้ชายโฉดเป็นแม่นมั่น
นางหัวเราะเสียงเย็น สองมือกำไม้ไว้แน่น ออกแรงจับไป๋หว่านเหลียนโยนขึ้นกลางอากาศ แล้วฟาดเต็มเหนี่ยว ทำราวกับนางเป็นลูกเบสบอลยังไงอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง เซียวป๋อชิงในชุดสีดำก็เดินมาท่ามกลางความมืด ข้างกายยังมีนักพรตชุดเหลืองอีกหนึ่งคน
เขาเพิ่งย่างเข้าเรือนดอกปทุม ก็เห็นมีอะไรบางอย่างลอยมา จึงอ้าแขนรับโดยพลัน ก็เผชิญเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหิต
“ผีหลอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลังแห่งจันทรา