วันที่สิบสองเดือนสอง ลมหนาวยังคงพัดแรง
ในพงหญ้าแห่งหนึ่งริมแม่น้ำฮู่เฉิง หยากไย่หนาทึบ หนูปีนป่ายกันอุตลุด
ไป๋ซือหวงใบหน้าเปื้อนเลือดมอมแมม เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยคราบโลหิต นอนหายใจรวยรินอยู่ในพงหญ้านั้น
แม้กระนั้นก็ตาม ชายสามคนถือไม้กระบองอันใหญ่ในมือ ยังคงเดินอาด ๆ มาล้อมนางไว้ พร้อมกับลงมืออย่างไม่หยุดหย่อน
“ปั่ก!”
“ปั่ก!”
“ปั่ก!”
ด้วยแรงทุบตีอันหนักหน่วง ทำให้ไป๋ซือหวงซึ่งหมดสติอยู่เจ็บจนตื่นขึ้น หากแต่ไร้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียง
ท่ามกลางสติอันรางเลือน รับรู้เพียงว่าตนถูกคนจิกผมแล้วลากเดินอย่างทารุณมาจนถึงริมแม่น้ำฮู่เฉิง
พื้นผิวอันเย็นเฉียบบวกกับความเจ็บปวดจับขั้วหัวใจ ค่อย ๆ ลามไปถึงสมองของนาง
เห็นเงาอ่อนช้อยร่างหนึ่งเยื้องย่างมาเบื้องหน้า
“ท่านพี่ นับแต่วันที่แต่งงานกับท่านแม่ทัพ ท่านก็สมควรตายแล้ว เพราะข้าใจอ่อนเกินไป จึงปล่อยให้ท่านอยู่มาอีกหลายปี”
ไป๋หว่านเหลียนเลิกคิ้วเบา ๆ ไอเย็นที่ออกจากปากกลบแววตาอันโหดร้ายของนาง
เมื่อสี่ปีที่แล้ว ไป๋ซือหวงพี่สาวฝาแฝดผู้โง่เขลาของนาง กลับถูกฮ่องเต้รับสั่งให้แต่งงานกับแม่ทัพพิทักษ์ชาติก็คือเซียวป๋อชิง เป็นภรรยาเอกของเขา ส่วนนางกลับกลายเป็นอนุเหลียนผู้ไม่มีสถานะใด ๆ เลย
และคืนนี้ นางจะส่งพี่สาวขึ้นสวรรค์ด้วยตนเอง เพื่อที่ต่อไปนางจะได้เป็นฮูหยินแม่ทัพแทน!
ไป๋ซือหวงกำลังคลุ้มคลั่งมองดูใบหน้าของหญิงใจโหด พร้อมกับโถมร่างเข้าใส่นาง
ไป๋หว่านเหลียนถูกกระชากผมจนหลุดร่วงไปหลายเส้น
แววตานางแดงก่ำราวกับเลือด ตวาดเสียงเรียบเย็น “เด็ก ๆ ตีมือเท้านางตัวดีให้หักซะ แล้วอุดปากนางไว้ เอาไปโยนทิ้งลงน้ำ!”
สิ้นเสียง ไม้กระบองจากหลายคนก็ระดมเข้าใส่ไป๋ซือหวง
“ช่วยด้วย...”
นางพูดอู้อี้ไม่ชัดเจน เลือดกับน้ำตาผสมกันจนเขรอะ ร่างบอบบางสัมผัสถูกพื้นเย็นเฉียบและเห็นเป็นรอยเลือดสีแดงฉานเมื่อถูกลากตัวไป
จากนั้น ไป๋หว่านเหลียนก็ยิ้มพลางเตะร่างนางลงสู่ธารน้ำแข็ง มองดูผิวน้ำก็ค่อย ๆ เปื้อนเป็นสีแดง จึงหัวเราะแล้วจากไป
ท่านพี่ ไปสู่สุขคติเถอะนะ ข้าจะช่วยดูแลท่านแม่ทัพให้เอง
......
ภายใต้สายน้ำอันเย็นยะเยือกเข้าถึงกระดูก ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลของไป๋ซือหวงค่อย ๆ จมดิ่งลง
แต่ไม่มีใครรู้ว่า ในก้นบึ้งของแม่น้ำฮู่เฉิงซึ่งปกติจะมีน้ำไหลเชี่ยวนั้น มีวังน้ำแข็งขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่
กระแสน้ำวนโอบร่างของนาง ค่อย ๆ ลอยไปยังวังน้ำแข็ง
ภายในวังนั้น มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์ดั่งเทวรูปกำลังหลับตานั่งสมาธิ ควบคุมโลหิตและลมปราณในร่างกายที่สั่นไหวอยู่
วันนี้แม้ไม่ใช่ค่ำคืนเดือนเพ็ญที่สิบห้า แต่ลมปราณจิ้งจอกเงินของเขากลับสะเทือนสั่นไหว และวังน้ำแข็งคือที่ ๆ เขาจะใช้เพื่อควบคุมลมปราณ
จมูกไวได้กลิ่นคาวเลือดอันน่าสงสัย โม่เฉิงซางลืมตาขึ้นโดยพลัน นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววดุดัน
เหนือศีรษะปรากฏใบหูสามเหลี่ยมสีเทาขนปุยออกมาคู่หนึ่ง ชี้นำให้เขาสังเกตด้านบน
เขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสายน้ำนำศพร่างหนึ่งลอยลงมา คล้ายใบไม้ที่ปลิดปลิวร่วงสู่เบื้องหน้าเขาซึ่งเป็นนอกกำแพงวัง
อยู่ดี ๆ ไฉนมีศพลงมาได้
เขาเกิดความแปลกใจ จึงเดินไปตรวจสอบด้วยความสงสัย พอเห็นใบหน้านั้นเข้า นัยน์ตาสีน้ำเงินก็ไหวระริก
นางเองหรือ?
ฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์ชาติผู้โง่เขลา เลื่องลือในเมืองหลวงนัก
แล้วนางตายได้อย่างไร?
ดูจากบาดแผลทั่วร่างและรอยเลือด ในใจโม่เฉินซางก็อดรู้สึกเวทนาไม่ได้
มนุษย์ที่ตายอยู่ใต้สายน้ำ วิญญาณจะไม่อาจหลุดพ้นไปไหน ได้แต่สถิตเป็นผีน้ำอยู่ชั่วกาล
ในฐานะอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแห่งแคว้นตงโยว ย่อมมีหน้าที่ต้องดูแลปกป้องราษฎร
เขาใช้ทางลับออกจากวังน้ำแข็ง ใช้ลมปราณนำร่างไร้วิญญาณพาดขึ้นบ่า พร้อมแหวกว่ายไปทางปากถ้ำน้ำแข็ง
เมื่อสี่ปีที่แล้ว เจ้าของร่างเดิมในวัยสิบห้าปีถูกฮ่องเต้ประทานให้สมรสกับแม่ทัพพิทักษ์ชาติเซียวป๋อชิง กลายเป็นภรรยาเอกของเขา น้องสาวแท้ ๆ ก็ถูกชายโฉดสู่ขอ ให้เป็นอนุภรรยาอีกคน
เจ้าของร่างเดิมพบว่าตนได้ตั้งครรภ์หนึ่งเดือนในคืนแต่งงาน และนับแต่นั้นมา ภายใต้การทารุณจิตใจของน้องสาวคือไป๋หว่านเหลียนกับชายโฉด นางจึงอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานมาตลอด
และวันนี้ ไป๋หว่านเหลียนได้กระทำการโหดร้าย นำเจ้าของร่างเดิมไปทุบตีจนตายแล้วโยนทิ้งลงน้ำ เพื่อหวังเลี้ยงลูกชายของนางแทน และตนก็ขึ้นเป็นภรรยาเอก
ไป๋ซือหวงมองดูใบหน้าที่สะท้อนจากธารน้ำแข็ง ริมฝีปากแดงเรื่อ นัยน์ตาเรียวยาว เสียดายมีรอยแผลมากลบความงามเสียสิ้น
บวกกับทรงผมยุ่งเหยิงราวกับซังข้าวโพด ดูราวกับผีน้ำก็ไม่ปาน
เธอคือสาวสวยอัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ยี่สิบห้า ประธานสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า กลับกลายมาเป็นสารรูปเช่นนี้
แต่ช่างเถอะ ไม่ตายก็ถือว่าบุญแล้ว
ในเมื่อต้องมาสิงอยู่ในร่างนี้ งั้นความแค้นที่เจ้าของร่างเดิมต้องตายอย่างอนาถ เธอก็ขอรับมาด้วยแล้วกัน
แชมป์เทควันโด้สายดำอย่างเธอไม่ใช่ล้อเล่นหรอกนะ
กลับจวน สู้กับนังตัวดี เอาลูกชายกลับคืนมา!
ไป๋ซือหวงลุกขึ้นเดินไม่กี่ก้าว ก็พบว่าในธารน้ำแข็ง หรือแม้กระทั่งในพงหญ้าที่ริมน้ำ ก็ล้วนมีเศษกระดาษเงินกระดาษทองที่ถูกเผาไหม้ปลิวว่อนอยู่
กลางค่ำกลางคืนใครมาเผากระดาษเงินน่ะ ช่างซวยแท้
ไป๋ซือหวงแอบบ่นเสร็จ ก็กระชับเสื้อคลุมสีแดงที่ยับเยินให้แนบตัวหน่อย ใช้ความทรงจำมุ่งไปยังจวนแม่ทัพ
ระหว่างทางนั้น หูได้ยินเสียงซุบซิบนินทาไม่หยุด
“ได้ข่าวว่าฮูหยินหน้าโง่ของจวนแม่ทัพตกน้ำตายไปแล้ว”
“ใช่ ๆ น้องสาวก็แสนดี อุตส่าห์จ้างคนไปทำพิธียังที่ ๆ นางตาย เพื่อหวังส่งวิญญาณให้ไปสู่สุขคติ ช่างเป็นพี่น้องที่รักกันจริง ๆ”
ได้ยินดังนี้ ไป๋ซือหวงก็อดนึกขำไม่ได้
ที่แท้กระดาษเงินพวกนั้น จะเผาให้เธอนี่เอง คงต้องขอบคุณนังตัวดีทั้งบ้านแล้วกระมัง
เล่นละครเก่งนัก ไม่รู้ว่าจะทนมือทนเท้าได้แค่ไหน
เพียงไม่นาน เธอก็มาถึงหน้าจวนแม่ทัพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลังแห่งจันทรา