พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 149

ถึงแม้ตอนอยู่ที่เหมยซาน จะได้ยินมาว่าขาทั้งสองข้างของท่านพี่เจ็ดต้องพิการในระหว่างทำสงคราม และมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า จะน่ากลัวขนาดนี้

จ้านชิงอิงหันมองจ้านเป่ยเซียว จากนั้นจึงจับแขนของตนเอง และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองนัก : “คือว่า ท่านพี่เจ็ด ท่านอย่าใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับข้าจะได้ไหม น่ากลัวจริง ๆ”

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่า จะประหารใครเก้าชั่วโคตรนะ ?” จ้านเป่ยเซียวหันมองเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง

จ้านชิงอิงแสดงสีหน้าว่าได้รับบาดเจ็บ : “เดี๋ยวสิท่านพี่เก้า เมื่อครู่ข้าถูกคนรังแกแท้ ๆ แต่การแสดงออกของท่าน ทำไมกลับทำเหมือนข้าล่วงเกินท่านอย่างไรอย่างนั้น ? เช่นนี้ไม่ถูกต้องนะ ข้าต่างหากที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ของท่าน ตอนนั้นนั้นมีเปี๊ยะดอกกุ้ยฮวาเหลืออยู่ในมือเพียงชิ้นเดียว ยังเก็บเอาไว้ให้ข้าเลย !”

จ้านเป่ยเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงฟึดฟัด : “ออกตามหาว่านางไปไหน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

จ้านชิงอิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่าขึ้นทันที ในใจกำลังคิดว่า คนที่ท่านพี่เจ็ดเอ็นดูยังไงก็คือเขา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จ้านชิงอิงก็พูดว่า : “ท่านพี่เจ็ด คนที่เพิ่งหนีออกไปเมื่อครู่คือใคร ? ทำไมถึงได้กล้าทำร้ายองครักษ์ของจวนอ๋องได้ นี่มันชักจะใจกล้าเกินไปแล้ว หากไม่ใช่คนในจวนของท่าน หรือว่าจะเป็นนักฆ่า ?”

ตอนนี้หลิวหยิ่งออกไปแล้ว จึงย่อมไม่มีใครช่วยเขาอธิบาย จ้านเป่ยเซียวยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

จ้านชิงอิงลูบคางแล้วเดาออกมาว่า : “หรือว่าจะเป็นนักฆ่า ?”

อีกครู่เดียวก็พูดแย้งออกมาอีกว่า : “ไม่ถูก ๆ หากเป็นนักฆ่าจริง ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้ข้าประหารนางเจ็ดชั่วโคตร ?”

จ้านชิงอิงยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว จากนั้นจึงหันมองจ้านเป่ยเซียวที่ยังคงอยู่ในท่าทีนิ่งเฉย แต่เขากลับไม่รู้สึกผิดหวัง เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ท่านพี่เจ็ดฟังคำพูดของเขามาตลอด

จ้านชิงอิงหันมองรอบด้าน : “ท่านพี่เจ็ด ได้ยินว่าท่านสู่ขอพระชายาแล้วไม่ใช่หรือ พี่สะใภ้เจ็ดของข้าล่ะ ? ทำไมมีท่านนั่งกินอาหารอยู่คนเดียว ? คงไม่ใช่ว่านางยังไม่ตื่นหรอกใช่ไหม ?”

“ท่านพี่เจ็ด ผู้หญิงน่ะ จะเอาใจนักไม่ได้ ท่านยิ่งดีกับนางนางจะยิ่งได้ใจ ท่านยิ่งเอ็นดูนาง นางจะยิ่งสร้างเรื่องปวดหัวให้กับท่าน ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด”

“หุบปาก !” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างดุดัน

จ้านชิงอิงทำท่าปิดปากทันที แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับเบิกกว้าง และหันมองท่านพี่เจ็ดของตนเองด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะยอมพูดตอบโต้กับเขาแล้ว

ผ่านไปสักพัก จ้านชิงอิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอีกว่า : “ท่านพี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ กลัวภรรยาหรอกใช่ไหม ?”

“ทหาร จับเขาโยนออกไป” จ้านเป่ยเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จ้านชิงอิงยังไม่ทันได้ร้องขอความเห็นใจ ก็ถูกองครักษ์สองสามคนเชิญตัวออกไป โดยไม่ได้จับโยนออกไปจริง ๆ

ขณะที่จ้านชิงอิงเดินทางกลับวังหลวง ก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาตามท้องถนน และบังเอิญเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ่องเจ็ดเมื่อวานพอดี

จ้านชิงอิงได้ยินดังนั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกโพลง และตรงเข้าไปในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง และตามหาคนที่ได้ยินมาว่าอยู่ในเหตุการณ์ มาซักถามอย่างละเอียด

เมื่อได้ยินที่มาที่ไปแล้ว อ๋องสิบสองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางจวนอ๋องเจ็ด และหลั่งน้ำตาเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจของตนเองที่มีต่อท่านพี่เจ็ด

ที่แท้เขาก็คาดเดาผิดไป อันที่จริงไม่ใช่เพราะท่านพี่เจ็ดของเขากลัวภรรยา แต่เป็นเพราะเหตุผลด้านร่างกายของท่านพี่เจ็ด จึงทำให้หญิงสาวคนนั้นปีนกำแพงหนีออกมา ด้วยความโมโหท่านพี่เจ็ดจึงหักขาของหญิงสาวคนนั้น ดังนั้นท่านพี่เจ็ดจึงนั่งกินอาหารอยู่ภายในจวนอย่างเดียวดายเช่นนั้น

ภาพที่น่าเวทนานั้น ทำให้จ้านชิงอิงรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา

แค่หักขายังถือว่าน้อยไปสำหรับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงเช่นนี้คู่ควรจะเป็นพระชายาอ๋องเจ็ดที่ไหนกัน เขาจะไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว