พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 8

“เจ้าๆๆ ปากคอเราะราย จิตใจอำมหิต”คนคนนั้นเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด เพียงแต่เมื่อประกอบเข้ากับท่าทางของเขาแล้ว ยิ่งดูน่าตลกขบขัน

“ขอบคุณที่ชม ”เฟิ่งชิงหัวประสานมือทั้งสองข้างขึ้นมา กล่าวขอบคุณ

ชายหนุ่มกระทืบเท้าและพูดว่า “ถ้ารักตัวกลัวตายก็รีบส่งยาถอนพิษมา ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”

“เช่นนั้นข้าก็อยากจะเห็นท่านเวลาไม่เกรงใจ”เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างกวนโมโหมาก

“เจ้า เจ้า เจ้า เป็นอย่างที่เขาว่ากันจริงสตรีและคนถ่อยเข้าด้วยได้ยาก ”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโมโห และทำท่าจะโถมตัวเข้ามาหาเฟิ่งชิงหัว เฟิ่งชิงหัวกำลังจะขยับเช่นกัน แต่ถูกจ้านเป่ยเซียวเรียกเอาไว้

ชายหนุ่มสวมชุดอ๋องเต็มตัว เป็นชุดขุนนางระดับสูง บนศีรษะสวมกวานหยกสีม่วง ดูแล้วน่าเกรงขามมาก

“จิ่งยี่ ถอยไป”จ้านเป่ยเซียวพูดเสียงเย็นชา

“ศิษย์พี่ พิษของนางปีศาจชั่วร้ายมาก ข้ากินยาถอนพิษไปตั้งมากมายก็ไม่ได้ผล”จิ่งยี่พูดอย่างมึนงงพลางเกาหัวแกรก

เฟิ่งชิงหัวปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น และจัดระเบียบเสื้อผ้าตนเอง “เจ้าไปเตรียมน้ำส้มหนึ่งถัง เข้าไปแช่ครึ่งชั่วยามก็สามารถหยุดอาการคันนี้ได้”

“ง่ายขนาดนั้นเชียว”จิ่งยี่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

เฟิ่งชิงหัวพูดยิ้มๆว่า “วันนี้นับว่าได้พบกันแล้ว หลังจากนี้ข้าจะอยู่ที่จวนอ๋องอีกนาน ยินดีหากจะมาคุยเล่นกัน”

ความหมายของคำพูดที่แฝงอยู่ก็คือ แม้นางอยากจะหนีก็ไม่สามารถหนีพ้นได้ ไม่จำเป็นต้องโกหกเขา

จิ่งยี่ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หมุนร่างวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ในห้องโถงใหญ่เหลือแค่เฟิ่งชิงหัวกับจ้านเป่ยเซียวสองคน นางเอียงหน้ามองจ้านเป่ยเซียวอย่างวิเคราะห์ “ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ลงโทษข้ากระมัง”

จ้านเป่ยเซียวกลับพูดขึ้นว่า “ในวังมีราชโองการ สั่งให้เจ้ากับข้าไปเข้าเฝ้า”

เฟิ่งชิงหัวพอจะเดาได้ ตอนนี้นางกับจ้านเป่ยเซียวนับว่าเป็นสามีภรรยากันในนามแล้ว ย่อมสมควรต้องเข้าวังไปขอบพระทัยจึงจะถูกต้อง

แม้จะคิดเช่นนี้ แต่เฟิ่งชิงหัวกลับกุมท้องของตนเองเอาไว้ เอ่ยด้วยเสียงไม่สบายว่า “หม่อมฉันรู้สึกหิวแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องพอจะมีอะไรให้รองท้องก่อนหรือไม่ ข้าน่ะ ทนได้ทุกอย่าง มีแต่ความหิวเท่านั้นที่ทนไม่ไหว พอหิวก็มักจะเวียนหัวตาลาย และพูดจาผิดอยู่บ่อยๆ”

ว่าแล้ว ก็ยิ้มเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดในปาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว