พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 11

เมื่อไปถึงตำหนักหมิงชิง คนในวังถ่ายทอดคำสั่งให้เข้าเฝ้าแล้ว ในที่สุดเฟิ่งชิงหวัก็ได้พบกับเสด็จพ่อในนามของนางเสียที

วันนี้ฮ่องเต้เซวียนถ่งสวมชุดมังกรสีเหลืองสดใส บนศีรษะสวมพระมาลาห้อยลูกปัดเก้าเส้น ใบหน้าเคร่งขรึมและทรงอำนาจ ต้องยอมรับว่า องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าเด่นชัด เพียงพอที่จะนึกภาพออกว่าสมัยเป็นหนุ่มนั้นต้องเป็นผู้ที่มีรูปลักษณ์งามคนหนึ่ง

“ลูกคำนับเสด็จพ่อเพคะ(พ่ะย่ะค่ะ)”ทั้งสองคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เฟิ่งชิงหัวคุกเข่าลงกับพื้น ส่วนจ้านเป่ยเซียวนั้นนั่งโน้มตัวอยู่บนเก้าอี้รถเข็น

“ลุกขึ้นเถอะ”ฮ่องเต้เซวียนถ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรโบกมืออย่างทรงเคร่งขรึม “หาที่นั่งมาให้พระชายาเจ็ดด้วย”

ขันทีรีบไปยกเก้าอี้มาให้ เฟิ่งชิงหัวนั่งลงข้างจ้านเป่ยเซียว

“เจ้าเจ็ด ตอนนี้เจ้าก็เป็นคนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ภายหน้าจะทำอะไรก็ต้องหนักแน่นให้มาก หลังจากนี้หากข้ายังได้ยินว่าเจ้าไม่ยอมกินยาที่โรงหมอหลวงจัดให้ ข้าจะลงโทษเจ้า”ฮ่องเต้เซวียนถ่งเอ่ยอย่างจริงจัง

“เสด็จพ่อตักเตือนได้ถูกต้อง ลูกจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ”จ้านเป่ยเซียวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าที่สวมหน้ากากมองเห็นสีหน้าไม่ชัดเจน

ฮ่องเต้เซวียนถ่งพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองเฟิ่งชิงหัวที่นั่งอยู่ข้างๆ

เฟิ่งชิงหัวเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นยืน พูดขึ้นทันทีว่า “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะดูแลท่านอ๋องอย่างดีเพคะ ถ้าหากเขาไม่ยอมกินยาเพราะขม ลูกจะจับเขามัดมือมัดเท้าง้างปากของเขาและกรอกยาลงไปเพคะ”

เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างห้าวหาญ ตอนพูดไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งพ่อลูกที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนต่างก็มองมาที่ตนเองด้วยสายตาประหลาดใจจึงรู้สึกตัวว่าตนเองได้พูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว