เฟิ่งชิงหัวยืนขึ้น กลับเห็นหลิวหยิ่งยืนอยู่ที่เดิม ไม่คิดที่จะขยับ นางเลิกคิ้วขึ้นมองเขา
หลิวหยิ่งกล่าวด้วยความเคารพ “นายท่านกล่าวแล้วว่า จะพบพระชายาตามลำพัง ท่านไปคนเดียวก็ได้พ่ะย่ะค่ะ นายท่านยังรับสั่งเรื่องอื่นอีก หลิวหยิ่งจะไม่ตามไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งชิงหัวเม้มปากและเดินไปข้างหน้าคนเดียวโดยไม่ถามว่าตอนนี้จ้านเป่ยเซียวอยู่ที่ไหน
ทันทีที่เดินผ่านไร่องุ่นก็ได้ยินเสียงฉินที่ไพเราะ เสียงฉินนั้นเสนาะน่าฟัง ท่วงทำนองก็เพราะ เฟิ่งชิงหัวยืนนิ่งอยู่กับที่และตั้งใจฟัง จากนั้นจึงเดินไปตามเสียงฉิน
ไม่ไกลนัก อยู่ที่ศาลาแปดเหลี่ยม แล้วก็มองเห็นร่างดำนั้นที่อยู่ไกลออกไป
เสียงฉินประกอบกับแผ่นหลังที่สง่างามได่ทำผู้คนทั้งหลายตกไปอยู่ในภวังค์
เมื่อมองจากด้านหลังเพียงอย่างเดียว หลังของจ้านเป่ยเซียวตั้งตรง ไหล่ของเขากว้างเล็กน้อย และผมยาวของเขาร่วงลงมาปิดไหล่และกองอยู่บนพื้นตามที่เขานั่งลง
เสียงฉินหยุดลง เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นทันที พร้อมกับคำหยอกเย้าที่สนุกสนาน “จ้องแผ่นหลังของข้าจนหลงไหลหรือ?””
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดี แต่บอกว่านางหลงใหล?
เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่สวยที่สุดในโลกหรือไง แต่คาดไม่ถึงว่าชายที่เย็นชาอยู่ตลอดจะหลงตัวเองแบบนี้ด้วย
เฟิ่งชิงหัวก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวไปยังโต๊ะข้างหน้าชายหนุ่ม วางมือไว้บนโต๊ะ “เจ้าเรียกข้าเรื่องอะไรหรือ?”
“ไม่มีเรื่องอะไรเรียกเจ้าไม่ได้หรือ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เฟิ่งชิงหัวกลอกตา นางคุ้นชินกับที่เขาพูดโดยไม่มีประเด็นหลักแล้ว หลับตาลง มือข้างหนึ่งประคองศีรษะ และอีกข้างเคาะขอบโต๊ะเบาๆ “ดีดต่อไป”
น้ำเสียงเหมือนควรนะเป็นเช่นนี้ น่าตบมาก
แต่จ้านเป่ยเซียวไม่ได้โมโห เขาจ้องสีหน้าของนางชั่วขณะและดีดฉินต่อไป ไม่เหมือนเพลงเมื่อครู่นี้ เพลงนี้จะอ่อนโยนกว่าและมีผลที่สงบใจคนฟัง
ท้องฟ้าปลอดโปร่งและสว่างไสว เป็นเวลาที่ดีสำหรับการงีบหลับ ดังนั้นเฟิ่งชิงหัวจึงหรี่ตาลงและผล็อยหลับไป
เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหญิงสาว มือจ้านเป่ยเซียวหยุดชั่วขณะ และค่อยๆ วางมือลงบนฉิน
เขาไม่ลุกขึ้น แต่นั่งอยู่ตรงข้ามเฟิ่งชิงหัวโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ไม่จำเป็น
ท่าทางการนอนของเฟิ่งชิงหัวไม่ค่อยสบายนัก หลับอยู่ครู่หนึ่งนางก็ลืมตาขึ้น และเมื่อนางไม่ได้ยินเสียงฉิน นางขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณและพูดว่า “เหตุใดเจ้าไม่ดีดต่อล่ะ?”
จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างเคืองๆ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นนักแสดงหรือ?”
“ท่านอ๋อง อย่าพูดอย่างนี้”
จ้านเป่ยเซียวรู้สึกอิ่มเอมใจ คิดว่าเฟิ่งชิงหัวกำลังจะเริ่มชมทักษะการเล่นฉินของตน แต่ใครจะรู้ว่าจะได้ยินหญิงสาวพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ท่านอย่าดูถูกนักแสดงนะ”
สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวขรึมลง “หนานกงเยว่ลั่ว อย่าท้าทายความอดทนของข้า”
“ความอดทนของเจ้า ข้าต้องท้าทายด้วยหรือ? ความอดทนของเจ้ามีเพียงเล็กน้อยมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ” เฟิ่งชิงหัวเปรียบเทียบเท่ากับขนาดของเล็บมือเล็กๆ
จ้านเป่ยเซียวพูดเสียงเย็น “ทำได้แค่พูดโดยไม่คิด”
เฟิ่งชิงหัวตอบกลับ “ดีกว่าท่านอ๋องที่แม้แต่พูดโดยไม่คิดก็สู้ไม่ได้ พูดซ้ำแล้วซ้ำมาก็พูดเป็นแต่สองคำเท่านั้น”
จ้านเป่ยเซียวจ้องเฟิ่งชิงหัวชั่วครู่ แต่ไม่ได้โมโห เห็นได้ชัดว่ามีภูมิคุ้มกันที่ถูกเฟิ่งชิงหัวทำให้โมโหจนชินอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...