เฟิ่งชิงหัวกำลังเดินอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอู้อี้ดังมาจากพุ่มหญ้า ราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอะไรสักอย่าง
นางรีบเดินเข้าไป แหวกพุ่มหญ้าที่หนาแน่นออกเบาๆ
“ใครอยู่ตรงนั้น อย่ารบกวนพระชายา”ขันทีที่นำทางตำหนิด้วยเสียงที่ลากยาว จากนั้นก็เดินจากทางด้านหลังของเฟิ่งชิงหัวไปด้านหน้า เมื่อสายตามองเห็นคนที่โชกไปด้วยเลือดก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าขาวซีดลง
เห็นเพียงบริเวณที่อยู่ห่างจากพวกนางแค่หนึ่งจั้งเท่านั้น เห็นหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูของชาววังนอนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าที่ไม่เหมาะสม มีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และตอนนี้ก็เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางแล้ว สายตาหวาดกลัวมองไปยังทิศทางที่พวกนางยืนอยู่
“นี่ นี่มันซุนผินเหนียงเหนียงมิใช่หรือ ทำไมทำไมจึงเป็นเช่นนี้”ขันทีเอ่ยขึ้นอย่างติดๆขัดๆ
เมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกของขันทีที่เห็นคนตายแล้ว เฟิ่งชิงหัวที่ชาติที่แล้วเคยเป็นแพทย์นิติเวชคนหนึ่งเคยพบเห็นมามากแล้ว และได้ฝึกฝนจนมีความสามารถที่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาไม่ว่าศพที่พบจะดูน่าอนาถแค่ไหนก็ตาม
ฉีกผ้าบนร่างออกมาสองผืนพันเอาไว้ที่มือ เฟิ่งชิงหัวก้มตัวลงสำรวจดูม่านตาและแขนขาของหญิงสาว แล้วก็สำรวจดูรอบๆอวัยวะสงวนของหญิงสาว
ขณะที่เฟิ่งชิงหัวกำลังจะสำรวจดูให้มากขึ้น ตรงหน้าก็เกิดภาพที่น่าประหลาดใจขึ้นมา
ร่างกายที่เมื่อครู่ยังถูกพุ่มหญ้าบดบังอยู่ทันใดนั้นก็ถูกแสงแดดสาดส่อง บนใบหน้าเกิดเป็นรอยแดงขนาดใหญ่ขึ้นมา ผิวพรรณที่เดิมทีขาวนวลเนียนก็เปลี่ยนสภาพจนอัปลักษณ์ดูไม่ได้ ราวกับถูกใครสาดน้ำที่มีพิษใส่
เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มองเห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าถูกกัดกร่อนจนเปื่อยอย่างรวดเร็วไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นเนื้อที่เน่าเปื่อยก็หายไปต่อหน้านาง
ร่างที่เดิมทียังมีเลือดเนื้ออยู่ได้เหี่ยวแห้งไปในพริบตา กลายเป็นโครงกระดูกสีชมพู
“อ๊าก!!!”ขันทีที่เห็นภาพนี้ไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ร้องเสียงหลงออกมา ดึงดูดคนอื่นๆเข้ามา
จากนั้นไม่นาน ฮ่องเต้เซวียนถ่งก็พาจ้านเป่ยเซียวมาถึง ห้องบรรทมของฮองเฮาอยู่ใกล้ที่สุด ย่อมมาได้เร็วที่สุด เมื่อเห็นฮ่องเต้เซวียนถ่งมา ก็ย่อตัวคำนับ “ถวายบังคมฮ่องเต้”
แต่สายตาของจ้านเป่ยเซียวกับจ้องมองไปยังพื้นที่โล่งตรงนั้น กำลังมองดูพระชายาของเขา ที่กำลังใช้นิ้วมือเคลื่อนไปมาบริเวณที่พบศพ
“ทำไมนางจึงอยู่ที่นี่”จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้วขึ้นมา
ตอนที่ฮองเฮามาถึงได้สั่งให้คนนำศพออกไปแล้ว ใช้ผ้าคลุมเอาไว้ อีกทั้งยังสั่งให้องครักษ์ออกลาดตระเวนให้ทั่ว หากพบบุคคลน่าสงสัยไม่ว่าจะมีฐานะเป็นอะไรก็ให้จับตัวมาดำเนินการสอบสวนทันที
รอบๆนั้นมีนางสนมและนางกำนัลยืนดูอยู่ไกลๆ ทุกคนต่างรู้สึกกลัวมาก มีแค่หญิงสาวคนนั้น ที่กำลังชี้ไปยังโครงกระดูกสีชมพูและพูดอะไรบางอย่างกับหมอหลวงอยู่ และยังจิ้มไปที่โครงกระดูกนั้นอยู่เป็นระยะ
“เรียนท่านอ๋อง พระชายาเป็นคนแรกที่พบศพของซุนผินเหนียงเหนียง อีกอย่าง อีกอย่าง ก่อนที่ศพจะกลายเป็นโครงกระดูก มีเพียงพระชายาเท่านั้นที่เคยแตะต้องศพ ฉะนั้นหมอหลวงจึงกำลังสอบถามเหนียงเหนียงอยู่”
“นางแตะต้องศพอย่างนั้นหรือ”จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วขึ้น เสียงสูงกว่าปกติเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...