เฟิ่งชิงหัวไม่รู้จักเลยสักนิดว่าอะไรที่เรียกว่า คำนินทานั้นน่ากลัว และไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง จึงได้พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นประตูใหญ่ของจวนอ๋องเจ็ด แต่อย่างไรเสียก็อยู่บนถนนใหญ่ มีผู้คนสัญจรไปมาไม่น้อย เมื่อได้ยืนคำพูดนี้ ทุกคนต่างผงะไป และหันมองประตูใหญ่ของจวนอ๋องเจ็ดโดยไม่รู้ตัว
ทว่า ความน่าเกรงขามของจวนอ๋อง เพียงแค่องครักษ์ที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนตาดำ ๆ เหล่านี้ กลัวจนตัวแข็งได้แล้ว
เนื่องจากคนเหล่านี้ ถึงแม้ไม่อาจเห็นได้ชัดเจนว่า พระชายาที่ตะโกนคำพูดนี้ออกมามีหน้าตาเป็นเช่นไร แต่กลับจดจำประโยคที่น่าตกใจนั้นได้อย่างขึ้นใจ
คนเหล่านี้พูดต่อกันไปปากต่อปาก ไม่ช้าทุกคนก็รู้เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะมีการบอกต่อกันไปปากต่อปาก ทำให้ต้นฉบับที่ลือกันออกไปไม่เหมือนเดิม
“เฮ้อ เมื่อครู่ตอนข้าอยู่ตรงประตูของจวนอ๋องได้ยินว่า ท่านอ๋องข่มขู่พระชายา ว่าหากออกไปข้างนอกตามใจชอบอีกจะหักขาทิ้งเสีย พระชายาจึงตัดสินพระทัย แล้วตรัสว่า จะยอมเป็นคู่รักที่น่าเวทนาร่วมกับท่านอ๋อง”
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
“ได้ยินมาบ้างหรือยัง ? พี่สาวบุญธรรมของคุณชายรองของตระกูลลุงของเพื่อนบ้านข้าได้ยินมาว่า พระชายาทรงปีนกำแพง แล้วถูกท่านอ๋องจับได้ ท่านอ๋องตรัสว่าครั้งนี้จะไม่เอาความ เพียงแต่สังหารผู้ชายคนนั้นแล้ว หากมีครั้งหน้า ก็จะหักขาของพระชายาทิ้งเสีย”
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
“พวกเจ้าได้ยินมาบ้างหรือยัง ? พระชายาอ๋องเจ็ดปีนกำแพง ถูกอ๋องเจ็ดหักขาทิ้งแล้ว !”
ส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสอง กลับเดินเล่นอยู่ในสวนด้วยกัน ด้วยสภาพที่สมบูรณ์
เฟิ่งชิงหัวหันมองชายหนุ่ม ที่ถึงแม้จะค่อย ๆ เยื้องย่าง แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า : “ท่านเดินเช่นนี้ ไม่เจ็บหรือ ?”
จากการรักษาของนางในครั้งก่อน ถึงแม้นางจะช่วยเอาสกัดพิษเอาไว้แล้ว แต่พิษที่อยู่ด้านในก็ยังไม่ได้สลายไปโดยสิ้นเชิง พิษเหล่านั้นยังคงสะสมอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของเขา และกดทับเส้นประสาทอยู่ ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขา ไวต่อความรู้สึกมากกว่าคนปกติเป็นพันเท่า ทุกก้าวที่เดิน เหมือนกำลังเดินอยู่บนปลายมีดที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...