เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ก็หันมองชายหนุ่มที่ยังคงคุกเข่าทั้งสองข้างอยู่ที่พื้นด้วยความตระหนก ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะสวมใส่หน้ากากอยู่ แต่การแสดงออกนั้นดูผ่อนคลาย ราวกับไม่ได้กำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด กลับดูเหมือนกำลังนั่งจิบชาชั้นดีอยู่บนพรมอย่างสบายใจเสียด้วยซ้ำ
“มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม จะรอให้ข้าลุกขึ้นมา แล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเจ้าเองหรืออย่างไร ?” จ้านเป่ยเซียวเห็นเฟิ่งชิงหัวยังคงยืนนิ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วถาม
มุมปากของเฟิ่งชิงหัวกระตุก : “ข้าเพียงคิดไม่ถึงเท่านั้น ตอนนี้ท่านไม่รู้สึกเก้อเขินแล้วหรือ ?”
“ในเมื่อเจ้าเอาแต่พูดว่าข้าเป็นผู้ชายคนแรกที่เจ้าเคยอุ้ม แล้วข้ายังจะโวยวายอะไรอีก เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบอุ้มข้าเร็วเข้า หรือเจ้าจะรอให้คนอื่นมาชื่นชมพละกำลังของเจ้า ?”
เฟิ่งชิงหัวก่นด่าอยู่ในใจ หรือไม่ควรจะมาชื่นชมชายรูปงามผู้อ่อนแออย่างท่านล่ะ ?
ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แค่เฟิ่งชิงหัวกลับไม่ได้โวยวาย และโน้มตัวลงเล็กน้อย ชายหนุ่มวางแขนทั้งสองข้างลงบนมือของเฟิ่งชิงหัวเพื่อให้นางอุ้มขึ้นมาอย่างรู้งาน ทั้งสองดูคล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง
ที่นี่อยู่ห่างจากตำหนักใหญ่ไม่ไกลนัก จึงไม่ได้ใช้รถเข็น เฟิ่งชิงหัวอุ้มจ้านเป่ยเซียวขึ้นมา แล้วเดินตามโถงทางเดิน ตรงไปยังห้องนอนทันที จากนั้นจึงวางเขาลงบนเตียง
“ทางที่ดีคืนนี้ท่านอย่าอาบน้ำจะดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้พิษเคลื่อนที่” เฟิ่งชิงหัวยกมือขึ้นปาดเหงื่อพลางพูดขึ้น ขณะที่กำลังจะยืดตัวขึ้น กลับถูกจ้านเป่ยเซียวออกแรง ดึงลงไปบนหน้าอกของเขา
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?” ชายหนุ่มนั่งพิงอยู่บนเตียง แล้วก้มหน้ามองนาง น้ำเสียงแผ่วเบา และหรี่ตาลง เผยให้เห็นประกายที่ยากจะแอบซ่อนได้
ขณะที่พูด ลมหายใจของเขากระทบกับปลายจมูกของเฟิ่งชิงหัว เผยสัมผัสที่น่าหลงใหลออกมา
มือข้างหนึ่งของเฟิ่งชิงหัวจับอยู่บนเตียง ส่วนมืออีกข้างดึงมือของชายหนุ่มออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ข้าบอกว่าพ่อตาย !”
น้ำเสียงฟังดูไม่มั่นคง แฝงไปด้วยความโกรธเล็กน้อย
จ้านเป่ยเซียวหัวเราะ จากนั้นจึงก้มหน้าลง หน้ากากเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับปลายจมูกแหลมของหญิงสาว แล้วถูไปมา พลางหัวเราะเบา ๆ : “เจ้าจะเป็นห่วงพ่อของข้าทำไม เป็นห่วงข้าก็พอแล้ว”
“จ้านเป่ยเซียว พิษคงไม่ได้แล่นสู่สมองของท่านหรอกนะ” เฟิ่งชิงหัวเตรียมตัวลุกขึ้น และกลับถูกชายหนุ่มดึงจากทางด้านหลัง แล้วกลิ้งเข้าไปในเตียง ทับอยู่บนผ้าห่มอ่อนนุ่ม จึงไม่รู้สึกเจ็บ
จ้านเป่ยเซียวหันหน้ามองนาง : “นอนกับข้าไหม ? ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“ท่านรีบนอนลงเถอะ อีกเดี๋ยวน้ำในหัวของท่นจะไหลออกมาเสียก่อน” เฟิ่งชิงหัวพูดประชด
จ้านเป่ยเซียวนอนลงตามที่ว่า เขามีแขนขาที่ยาว ถือเป็นคนตัวสูงคนหนึ่ง เมื่อนอนลงไปเช่นนี้ ปลายเท้าก็แทบจรดปลายเตียงพอดี
เฟิ่งชิงหัวคิดจะผละตัวเองออกมาจากร่างกายเขา แต่ทันทีที่ขยับ ก็ถูกชายหนุ่มยื่นมือไปดึงกลับเข้ามาในเตียง แล้วเบียดจนติดกำแพง
ราวกับจับเหยื่อแต่ยังไม่รีบกิน แต่เพิ่งเริ่มเล่นเกมเท่านั้น ดวงตาทั้งสองข้างนั้นจับจ้องมาที่เฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวขัดสมาธิ แล้วจ้องมองเขาด้วยความโมโห : “ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว !”
“ข้ารู้สึกว่า ทั่วทั้งจวนไม่มีใครจะจับตาดูเจ้าได้อีกแล้ว ดังนั้นข้าจะจับตาดูเอง” จ้านเป่ยเซียวพูดเบา ๆ น้ำเสียงฟังดูจริงจังอย่างยิ่ง
เฟิ่งชิงหัวควันออกหู พูดด้วยน้ำเสียงโมโห : “ท่านรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ !”
จ้านเป่ยเซียวชื่นชมในการแสดงออกของเฟิ่งชิงหัว จู่ ๆ ก็รู้สึกว่า เขาไม่จำเป็นต้องบีบบังคับนางขนาดนี้ ยิ่งใจร้อน นางยิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว หยอกล้อบ้างเป็นบางครั้งเช่นนี้ เหมือนกับหมาหยอกไก่ก็ไม่เลวนัก
“เตียงใหญ่ขนาดนี้ เพิ่มเจ้าอีกสักคนจะไม่พอได้อย่างไร ?” จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว
“ข้ามีเตียงของตัวเองแต่ไม่ยอมนอน กลับมานอนอยู่ข้างกายคนลามก คงไม่ใช่น้ำในหัวของท่าน ไหลเข้ามาอยู่ในหัวของข้าแทนหรอกนะ” เฟิ่งชิงหัวหัวเยาะเย้ย
“หากเจ้าไม่ยอมนอนละก็ ก็จงเฝ้าอยู่เช่นนี้แหละ” ขณะที่พูด จ้านเป่ยเซียวก็ปิดตาลง แล้วค่อย ๆ พูดขึ้นว่า : “ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของข้ายังไม่สะดวกที่จะเดิน หรือเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถทำอะไรเจ้าได้ ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะใจเสาะเสียจริง ๆ”
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะเยาะ : “วิธียั่วยุของท่านยังไม่ดีพอ กลับไปฝึกมาใหม่เถอะ”
จ้านเป่ยเซียวกระแอมสองครั้ง จากนั้นจึงพลิกตัวหันหลังให้เฟิ่งชิงหัว แล้วพูดเบา ๆ ว่า : “เจ้ายังจำกฎของบ้านที่ยังเหลืออีกหลายพันข้อได้สินะ”
เฟิ่งชิงหัวกัดฟันกรอด แล้วพูดออกมาทีละพยางค์ : “ท่าน คิด จะ พูด อะ ไร อีก !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...