“ช่างเถอะ ฝีมือของเจ้าใช้ไม่ได้” จ้านเป่ยเซียวพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ก็ตบลงบนหน้าอกของจ้านเป่ยเซียวทันที : “อะไรกัน ข้านวดมาครึ่งชั่วยามแล้ว ท่านพูดแค่ประโยคเดียวก็คิดจะไล่ข้าไปอย่างนั้นหรือ ? คิดจะชักดาบหรืออย่างไร ?”
“เมื่อครู่ข้าแค่พูดว่ารู้สึกไม่สบายตัว เจ้าเองต่างหากที่พูดว่าจะช่วยข้านวด”
“หน้าด้านไร้ยางอาย” เฟิ่งชิงหัวจ้องมองเขาด้วยความโกรธ : “ท่านดูสิ มือของข้านวดจนเป็นเช่นนี้แล้ว ไหล่ของท่านทั้งหนาทั้งแข็ง”
เฟิ่งชิงหัวพูดพลางคลายมือทั้งสองข้างออก มือเล็กขาวนวลเนียนกลายเป็นสีแดงจริง ๆ
จ้านเป่ยเซียวดึงมือของนางมา อาศัยจังหวะที่นางยังไม่ทันตั้งตัว จูบลงไปบนฝ่ามือเล็ก ๆ ของนางเบา ๆ
ปลายผมของชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าเฟิ่งชิงหัว เมื่อมองจากมุมมองของนาง สามารถมองเห็นคิ้วที่ดูเย่อหยิ่งและขนตายาวชัดเจน
ตรงฝ่ามือที่ถูกเขาจูบ รู้สึกร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟเผา ไปนั้นเผาไหม้และลุกลามไปถึงหัวใจ
“ท่าน ท่าน” เฟิ่งชิงหัวพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คนที่ปกติพูดจาฉาฉานอย่างนาง จู่ ๆ กลับสรรหาคำที่จะพูดออกมาเพื่อขัดขวางการกระทำนี้ของเขาไม่ได้
จ้านเป่ยเซียวเงยหน้าขึ้น แล้วมองนางด้วยนัยตาดำขลับที่ลึกซึ้ง : “เช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นการขอบคุณพระชายาแล้ว”
เยี่ยมจริง ๆ เปลี่ยนกลยุทธ์ของนางเป็นงานที่สมัครใจทำเสียแล้ว
เฟิ่งชิงหัวกำลังจะโวยวาย ก็ได้ยินจ้นเป่ยเซียวพูดขึ้นมาอย่ารวดเร็ว : “หลายวันมานี้พิษในร่างกายของข้ายากจะควบคุมได้ เจ้าคอยเฝ้าข้าอยู่ที่ห้องขอข้าเถอะนะ”
อารมณ์อันครุกรุ่นของเฟิ่งชิงหัวสงบลงด้วยเหตุนี้ แต่ก็ยังคงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “ที่พูดว่าหลายวันคือนานเท่าไร ?”
“เจ้ารู้ทักษะการแพทย์ไม่ใช่หรือ เมื่อไหร่ที่พิษของข้าหยุดวิ่งวนไปทั่งอย่างไม่อาจควบคุมได้ ก็เมื่อนั้นแหละ” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างตรงไปตรงมา
เฟิ่งชิงหัวได้ยิน ก็ยกมือขึ้นจับชีพจรให้จ้านเป่ยเซียวอีกครั้ง จากนั้นจึงครุ่นคิดสักพัก : “ร่างกายที่อ่อนแอนี้ของท่าน หากยังถูกท่านใช้งานอย่างหนักเช่นนี้ คาดว่าใช้เวลาอีกไม่กี่วันก็คงสงบแล้ว เพราะมันกระจายไปทั่วร่างแล้ว”
จ้านเป่ยเซียวไม่พูดอะไร ราวกับว่าร่างกายอันอ่อนแอที่เฟิ่งชิงหัวพูดถึงไม่ใช่ตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น
เฟิ่งชิงหัวถอนหายใจ : “ก็ได้ สองสามวันนี้ข้าจะช่วยท่านดูแลร่างกายของท่านให้ดีขึ้น แต่ท่านต้องฟังข้า ลูกกลอนจิตพิสุทธิ์ท่านห้ามกินแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นห้ามใช้กำลังภายในตามอำเภอใจเป็นอันขาด มิเช่นนั้นหากพิษกระจายไปทั่งร่างของท่านจนตาย ข้าไม่ขอรับผิดชอบนะ”
“นี่เรียกว่ายื่นหมูยื่นแมวใช่ไหม ?” จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว เขาเพียงพูดล่อเล่นเท่านั้น โดยไม่คิดเลยว่าเฟิ่งชิงหัวจะถอนพิษของเขาได้สำเร็จ
เมื่อเฟิ่งชิงหัวเห็นว่าเขาไม่เชื่อก็ไม่พูดให้มากความ เพียงแค่พูดขึ้นว่า : “นี่ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อตัวข้าเอง ขอเพียงข้าสามารถควบคุมพิษนี้เอาไว้ได้ ก็ถือว่าเราทั้งสองเลิกแล้วต่อกัน เพื่อหลีเลี่ยงไม่ให้ท่านตั้งเงื่อนไขแผลง ๆ ออกมาได้ตามอำเภอใจอีก”
ขณะที่พูด เฟิ่งชิงหัวก็สะบัดมือของเขาออก แล้วพลิกตัวนอนลงที่ด้านใน อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะพูดเตือนว่า : “ตอนนี้ร่างกายของท่านเต็มไปด้วยพิษ ไม่เพียงแต่ห้ามใช้กำลังภายในเท่านั้น ซ้ำยังห้ามทำตัวลามกอีกด้วย เพราะฉะนั้นทางที่ดีท่านอย่าฉวยโอกาสกับข้าเป็นอันขาด มิเช่นนั้น”
ขณะที่พูด ที่ปลายนิ้วของเฟิ่งชิงหัวก็ปรากฏเข็มเงินแวววับออกมา แล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า : “ข้าจะทำให้พิษกระจายทั่วร่างของท่านจนตายทันที”
จ้านเป่ยเซียวจ้องมองนางซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปเพียงแค่ช่วงตัวเท่านั้น และแสยะยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไรมาก จากนั้นจึงค่อย ๆ หลับตาลง
บนตัวของเฟิ่งชิงหัวยังมีกลิ่นหอมของดอกเหมยในน้ำหิมะ เมื่ออยู่ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนเช่นนี้ จึงให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
จ้านเป่ยเซียวยกมือขึ้นเขย่าเบา ๆ เพื่อปล่อยม่านไข่มุกราตรีสีดำลงมาจากทั้งสี่ด้าน โดยรอบมืดลงทันที มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ แต่ไม่ทำให้แสบตา
เฟิ่งชิงหัวค่อย ๆ ตกสู่ห้วงแห่งความฝัน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ ๆ ก็รู้สึกร้อนผ่าวเหมือนมีไฟลุกไหม้ที่แผ่นหลัง ห้อนจนนางเหงื่อแตกท่วมหัว จึงลืมตาขึ้นทันที
เมื่อหันหน้าไปก็เห็นชายหนุ่มนอนตะแคงอยู่ โดยหน้าอกของเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังของนาง ความร้อนนี้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา
เฟิ่งชิงหัวพลิกตัวลุกขึ้นทันที มองดูริมฝีปากที่ซีดเผือดของชายหนุ่ม ตรงคิ้วมีไอความเย็นจนจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง แต่หน้าอกกลับร้อนผ่าวราวกับหินลาวา
เฟิ่งชิงหัวดึงขากางเกงของเขาทันที และสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นในขณะที่มีผ้าคั่นกลางอยู่
ชีพจรของชายผู้นี้ถูกพิษทำให้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว เลือดเย็นและเลือดร้อนสลับกันเร็วบ้างช้าบ้าง เช่นนี้จะทำลายอวัยวะภายในได้ง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...