เฟิ่งชิงหัวทราบดีว่าหนานกงจี๋ไม่กล้าที่จะเอาเรื่องห้องลับเปิดเผยต่อสาธารณชน ด้านในห้องลับนั้นไม่มีอะไร แต่ห้องลับที่อยู่ในห้องลับนั้น เป็นสถานที่ที่หนานกงจี๋ค่อนข้างให้ความใส่ใจเป็นพิเศษเลย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคนแซ่หยูได้ถูกนางช่วยออกมาแล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าให้นางค้นพบได้เป็นแน่
หนานกงจี๋กล่าวกระแอมเสียงเย็นชาออกมา: “ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอยู่ที่ใด เพียงแต่ห้องหนังสือเป็นสถานที่สำคัญ จะให้คนนอกเข้าไปได้ตามใจชอบได้อย่างไรกัน”
“เจ้าก็พูดว่าห้องหนังสือเป็นสถานที่สำคัญ งั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่ส่งคนไปเฝ้าอารักขาไว้ให้ดีเล่า?”
“เจ้า” หนานกงจี๋กล่าวออกมาด้วยอารมณ์โมโห คราวนี้จึงดึงสติกลับมาได้ คนที่ตนเองส่งมาให้เฝ้าหน้าประตูตอนนี้ทำไมจึงไม่เห็นเลย
และในตอนนี้เอง ฮูหยินใหญ่ก็พุ่งเข้ามาในเฟยเก๋อหลิวตันแต่ไกล ไม่รอทำความเข้าใจกับสถานการณ์ให้แน่ชัดเสียก่อนก็เอ่ยปากด่าว่าเฟิ่งชิงหัวขึ้นมาทันที: “หนานกงเยว่ลั่ว เจ้าดาวมฤตยู ที่ไหนมีเจ้าที่นั่นก็ไม่มีเรื่องดีเลย เห็นได้ชัดว่าเจ้าเองเข้าไปขโมยของในห้องลับ แต่กลับไม่ยอมรับ ทำร้ายลูกข้าจนสภาพเป็นเช่นนี้ วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่เลย!”
“ห้องลับ ห้องลับอะไร? ท่านแม่อย่าพูดจาไร้สาระนะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
หนานกงจี๋จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาทันที: “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
ฮูหยินใหญ่ผู้นี้กลับไม่สนใจสีหน้าของใครทั้งนั้น ได้ยินคำพูดของหนานกงจี๋เช่นนี้ก็เข้าใจว่าเขากำลังคิดที่จะปกป้องลูกสาวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าว่ามาจากไหนคนนี้อีกแล้ว ก็เลยพูดออกมาด้วยอารมณ์ในทันที: “ก็คือห้องลับ เจ้าได้รู้จากเยว่หลีทางนั้นว่าด้านในห้องลับซ่อนข่าวคราวของท่านแม่ที่ทอดทิ้งเจ้าไปนั้นก็เลยแอบเข้าไปในห้องลับ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ ยังทำร้ายนางอีก ทำไมถึงได้มีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้อย่างเจ้าได้!”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยสีหน้างุนงง: “ท่านแม่ ท่านกำลังพูดถึงอะไรกัน ตอนนี้ท่านพ่อกำลังบอกว่าข้าเข้าไปในห้องหนังสือเพื่อขโมยเอกสารทางการของเขา มีห้องลับอะไรที่ไหน ข่าวคราวของท่านแม่ข้าอะไร? ท่านแม่ของข้าไม่ใช่ท่านหรือ? ใช่แล้ว เมื่อครู่พี่ใหญ่ยังด่าว่าข้าเป็นลูกของหญิงเต้นกินรำกินอีก เห็นได้ชัดว่านางกำลังด่าว่าท่านอยู่นะ ที่ข้าเห็นพี่ใหญ่ต่างหากที่ทำเกินไป จะต้องให้ท่านพ่อลงโทษให้เข็ดหราบถึงจะถูก”
ฮูหยินใหญ่สบถออกมาคำหนึ่ง: “ถุย เยว่หลีพูดเอาไว้ไม่มีผิดแม้แต่นิดเลย เจ้าไม่ใช่ลูกที่ข้าให้กำเนิดมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว เป็นลูกที่ท่านพี่อุ้มมาจากข้างนอก แม่ของเจ้าเป็นหญิงเต้นกินรำกิน! จะต้องเป็นหลังจากที่เจ้าเข้าไปในห้องลับแล้วโกรธเกลียดท่านพี่อยู่ในใจก็เลยขโมยเอกสารทางการไป!”
เฟิ่งชิงหัวแบมือทั้งสองข้างออก มองมายังหนานกงจี๋แล้วกล่าวว่า: “ใต้เท้าเฉิงเซี่ยง คนอื่นไม่รู้ก็ยังปล่อยมันไปได้ หรือว่าท่านไม่รู้ เหตุใดข้าจะต้องเป็นเพราะข้ออ้างอันนี้แล้วไปห้องหนังสืออะไรนั่น แล้วก็ห้องลับด้วย ท่านอ๋องยังฟังอยู่ตรงนี้ ท่านอย่ามาปรักปรำข้าเชียวนะ”
ฮูหยินใหญ่กล่าวร้องออกมาอย่างอวดดี: “เจ้าเอาท่านอ๋องมาอ้างก็ไม่ประโยชน์ เมื่อก่อนเจ้าในฐานะคุณหนูสายตรงเพื่อให้คู่ควรแก่ท่านอ๋องอย่างไม่เต็มใจ ตอนนี้เจ้าก็เป็นแค่คนชั้นต่ำเท่านั้นเอง ฐานะของคนชั้นต่ำคนหนึ่งยังดูสะอาดหมดจดยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก!”
“ท่านอ๋อง ข้าว่าท่านเขียนจดหมายหย่าเลยดีกว่า อย่าให้คนต่ำต้อยเช่นนี้มาทำลายชื่อเสียงของท่านให้เสียหาย” ฮูหยินใหญ่กล่าวแล้วก็มองมายังจ้านเป่ยเซียว
เฟิ่งชิงหัวไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว: “เรื่องนี้ตกลงกันได้ เพียงแค่เฉิงเซี่ยงยินดี ท่านอ๋องยินดี อยากจะปลดก็เชิญตามสบายเลย หากท่านอ๋องรังเกียจว่าจะต้องเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ ข้าสามารถเขียนแทนทท่านได้ เฉิงเซี่ยงอยากจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับข้า ข้าก็ยินดีอย่างที่สุดเลยเช่นกัน จะให้ข้าร่างลงนามแทนด้วยกันเลยไหมล่ะ?”
ฮูหยินใหญ่มองมายังเฟิ่งชิงหัวก็รู้สึกว่านางก็แค่สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาไปเช่นนั้นก็เท่านั้นเอง หนานกงเยว่ลั่วในตอนนั้นดูต่ำต้อยมากแค่ไหนในจวนเฉิงเซี่ยง ยางอยากจะบีบเคล้นยังไงก็ได้ทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปหลังจากที่นางแต่งเข้าไปในจวนอ๋อง จวนอ๋องก็คือที่พึ่งพิงของนาง เพียงแค่นางถูกปลดทิ้งไปซะ ดูว่าต่อไปนางจะทำอะไรได้อีก
นางก็จะแอบจับนางเอาไว้ ทรมานอย่างเป็นก็เหมือนตายจนหมดความโกรธเกลียดในใจได้ถึงจะสาสม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...