คราวนี้พวกเขาทั้งสองไม่ได้แอบออกจากจวนอีกต่อไป แต่ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องแล้วตรงไปที่ใต้อาคารของหอจุยหยุน
เฟิ่งชิงหัวกำลังจะลงจากรถม้า จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้ นางหยุดและหันไปมองจ้านเป่ยเซียว “เจ้าจะลงจากรถม้าแบบนี้เลยหรือเพคะ?”
จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว “อย่างไร?”
“เจ้าจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเช่นนี้หรือ?” เฟิ่งชิงหัวคิดถึงสิ่งที่หลิวหยิ่งพูด และรู้สึกใจอ่อน อีกอย่างขาของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เลย แต่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ได้ทุก
จ้านเป่ยเซียวมองนางพร้อมกับเลิกคิ้วและพูดอย่างมีความหมายลึก “ตอนแรกข้ากลัวปัญหา แต่ตอนนี้ข้าเต็มใจที่จะสร้างปัญหา”
เฟิ่งชิงหัวมองเข้าไปในดวงตาของเขา รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ได้ รู้สึกอยู่เสมอว่าปัญหาที่เขาพูดถึงนั้นคือนาง
“ไม่มีปัญหาอะไร ไปกันเถอะ” เฟิ่งชิงหัวพูดพร้อมกระโดดลงจากรถม้าก่อน ไม่ทันสังเกตมือของหลิวหยิ่งที่ค้างอยู่กลางอากาศ เพียงรู้สึกว่าฉากนี้ค่อนข้างคุ้นเคย
“ท่านอ๋องขอรับ นี่...” หลิวหยิ่งมองไปที่เฟิ่งชิงหัวอย่างจนปัญญา พระชายาอ๋องตามใจเกินไปแล้ว นางจะลงจากรถม้าก่อนได้อย่างไร แล้วยังต้องกระโดดลงมาอีก
แต่จ้านเป่ยเซียวกลับไม่โมโห เพียงแต่มองแผ่นหลังของนางและพูดเสียงเรียบ “ตามใจนาง”
ในใจหลิวหยิ่งไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป นายท่าน ท่านเปลี่ยนไปแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พระชายาอ๋องจะยิ่งกลายเป็นคนไร้ระเบียบมากขึ้นไปอีก
เฟิ่งชิงหัวเดินไปถึงหน้าประตู มองห้องโถง กลับเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง กำลังจะพูด แต่เห็นคนๆ นั้นเดินผ่านนางไปด้านหลังนาง
“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนหรูชิงคือเจ้ากรมศาลาว่าการพระนคร ซึ่งไม่ตื่นตระหนกเหมือนคนทั่วไปเมื่อพบจ้านเป่ยเซียว แต่ค่อนข้างยินดีเล็กน้อย
หลิวหยิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเห็นได้อย่างชัดเจน และรู้สึกประหลาดใจ
ใต้เท้าเหยียนผู้นนี้ เดิมทีไม่ค่อยชอบนายท่าน รู้สึกว่าเข้ากับคนได้ยากนัก เหตุใดวันนี้ถึงเริ่มมาหาก่อน?
“อืม” จ้านเป่ยเซียวตอบรับและยกมือขึ้น แสดงอำนาจและศักดิ์ศรีของราชวงศ์
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยอยากมาหาคนๆหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้เฟิ่งชิงอยู่ไหนพ่ะย่ะค่ะ?” เหยียนหรูชิงกล่าวอย่างเคารพ
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้วเมื่อได้ยิน พิงกรอบประตูมองแผ่นหลังเหยียนหรูชิง ในใจเดาว่าคนๆ นี้ตามหานางเพื่ออะไร
นางทำงานอยู่ในศาลาว่าการพระนครเจ้ากรมหลายวัน และได้พบกับเหยียนหรูชิงเพียงไม่กี่ครั้ง ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
“ตามหาเขามีเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของจ้านเป่ยเซียวต่ำเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ค่อยดี
เหยียนหรูชิงรู้อยู่แล้ว แต่ยังคงถามต่อ “ท่านอ๋อง คือแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อเจ็ดวันที่แล้ว ข้าน้อยพบศพหลายศพ ศพเหล่านี้ล้วนเป็นสีแดงสด แต่ดูไม่เหมือนเลือด ดูเหมือนถูกตีตราสีแดงแต่ไม่มีบาดแผลใดๆ ราวกับว่าพวกเขาเกิดมาก็เป็นเช่นนี้และร่างกายของคนเหล่านี้แตกต่างกัน แล้ยังไม่สามารถหาเบาะแสใด ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นข้าน้อยจึงมาขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋อง อยากทราบว่าเฟิ่งชิงอยู่ที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ หวังว่าเขาจะสามารถตรวจสอบศพเหล่านี้ ช่วยข้าน้อยตามหาฆาตกรโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“หน้าที่ของเจ้าคือจับผู้ร้ายตัวจริง ตรวจสอบศพเป็นหน้าที่ของสวี่โจ้ว ขุนนางชันสูตรศพ แต่ตอนนี้เจ้าต้องพึ่งพาคนที่อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ ตอนนี้ศาลาว่าการพระนครของพวกเจ้าแย่ลงกว่าเมื่อก่อนแล้วหรือ?” จ้านเป่ยเซียวเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากบอกที่อยู่ของเขา
ตอนนี้จ้านเป่ยเซียวอยากจะให้เฟิ่งชิงหัวอยู่ในจวนอ๋องทุกวันและออกไปข้างนอกให้น้อยลง ตอนนี้จะช่วยเหยียนหรูชิงได้อย่างไร
เหยียนหรูชิงทนต่อแรงกดดันและพูดต่อ “ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเป็นห่วงว่าศพเหล่านั้นจะมีพาหะของโรค ตอนนี้ยังอยู่นอกชานเมืองไม่กล้านำกลับมา”
จ้านเป่ยเซียวเยาะเย้ยเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าตัดสินว่าคนเหล่านั้นเป็นพาหะของโรค เจ้าคิดว่าข้าจะมอบคนของข้าให้กับเจ้าหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...