เมื่อเฟิ่งชิงหัวทำการตรวจสอบอย่างคร่าวๆ เสร็แล้วก็ลุกขึ้นยืน สายตาทุกคู่รอบด้านมองมาที่นาง สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก และตอนที่เห็นนางเดินออกมาจากบริเวณที่มีเชือกกักบริเวณเอาไว้ ทุกคนต่างถอยหลังโดยสัญชาตญาณแล้วเอามือปิดปากปิดจมูกเอาไว้
“พระชายา ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ไป๋จื่อหยางเดินเข้าไป แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าที่จุ่มสมุนไพรส่งให้ที่มือของนาง
เฟิ่งชิงหัวมองผ้าเช็ดหน้าที่จุ่มน้ำสีเขียวจนชุ่มก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับมา จากนั้นจึงส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเล
ไป๋จื่อหยางเห็นเช่นนั้น ความคาดหวังของเขาก็เสื่อมสลายลง ก่อนจะมองไปที่ร่างที่มีรอยสีแดงเหล่านั้นด้วยความสับสน
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าของขุนนางชันสูตรศพคนอื่นๆ ก็ปรากฏอาการดูถูกออกมา
“ตอนแรกก็นึกว่าพระชายาจะสืบเบาะแสได้ ที่แท้แล้วก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่รู้เรื่องแต่กลับสัมผัสโดนศพ หากเชื้อแพร่กระจายจากศพมาตามอากาศ จากการกระทำของนางที่สัมผัสโดนศพเช่นนั้น เกรงว่าพวกเราจะเดือดร้อนไปด้วย”
“อาจจะไม่ใช่ หวังว่าศพพวกนี้จะไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเราที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเช่นนี้คงยากที่จะรอดชีวิต”
“ไม่มีความสามารถก็คือไม่มี จะมาทำเป็นเก่งทำไม เมื่อครู่นี้ไป๋จื่อหยางยังบอกอยู่เลยว่านางเก่ง ข้าว่าเป็นการคุยโวมากกว่า พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นแหละ”
เสียงวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากทางด้านนั้น บวกกับบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงบอยู่แล้ว ทำให้คำพูดพวกนั้นลอยเข้ามาในหูของเฟิ่งชิงหัวอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่หันไปมองพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
คนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งโรคติดต่อ ไม่คู่ควรที่นางจะพูดด้วย
จ้านเป่ยเซียวเอามือทั้งสองไพล่หลังเอาไว้แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ตรวจเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็กลับกันเถิด ที่นี่อากาศไม่ค่อยดี”
เฟิ่งชิงหัวเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเห็นเพียงเหยียนหรูชิงเดินออกมาข้างหน้าแล้วประสานมือมาที่พวกเขาทั้งสอง “ท่านอ๋อง พระชายา เกรงว่าตอนนี้พระชายาจะไปไหนไม่ได้แล้ว”
แม้ว่าเหยียนหรูชิงจะเกรงกลัวจวนอ๋องเจ็ดมาก แต่ตอนนี้ไม่เพียงเฟิ่งชิงหัวเข้าใกล้ศพเท่านั้นแต่ยังสัมผัสศพแล้ว หากเป็นโรคติดต่อจริงๆ มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่กระจายเชื้อ
หากปล่อยนางไปแบบนี้ไม่เท่ากับว่าพาเชื้อโรคไปแพร่กระจายด้วยหรือ
จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ใต้เท้าเหยียนถือดีอย่างไร ถึงขั้นกล้ารั้งคนของข้าเอาไว้”
เหยียนหรูชิงกล่าวว่า “ข้าน้อยไม่กล้า แต่เมื่อครู่นี้พระชายาไม่เพียงเข้าใกล้ศพเหล่านั้นแต่ยังสัมผัสโดนศพแล้วด้วย เพื่อไม่ให้เชื้อโรคระบาดแพร่กระจายไปยังคนที่ไม่รู้เรื่อง เวลาเช่นนี้จำเป็นต้องกักตัวพระชายาเอาไว้”
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว “หากข้าไม่ให้กักตัวไว้ล่ะ”
“เช่นนั้นข้าน้อยคงจำเป็นต้องขอพระราชโองการจากฝ่าบาท เพื่อกักบริเวณทั้งจวนอ๋องเจ็ดเอาไว้” เหยียนหรูชิงกล่าวด้วยท่าทางที่นอบน้อม
“จริงหรือ?” จ้านเป่ยเซียวเตรียมจะระเบิดอารมณ์ แต่เฟิ่งชิงหัวเดินเข้ามาจับมือของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้แล้วส่ายหน้าให้เขา
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
“ท่านอ๋องก็ต้องถูกกักตัวด้วย มือของนางสัมผัสโดนตัวท่านอ๋องแล้ว” หนึ่งในนั้นส่งเสียงตะโกนออกมาแล้วมองคนทั้งสองด้วยสายตาราวกับมองศพที่บนตัวมีรอยแดง
เจ้าพนักงานที่อยู่ห่างจากพวกเขาทั้งสองค่อนข้างใกล้ก็รีบถอยหลังหนี ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เฟิ่งชิงหัวเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ ก่อนจะหันหน้าไปมองจ้านเป่ยเซียวที่กำลังมีสีหน้าไม่ชอบใจ แต่กลับไม่ใส่อารมณ์นางและไม่สะบัดมือนางทิ้ง เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดมือของเฟิ่งชิงหัวที่เปื้อนของเหลวสีเขียวด้วยท่าทางจริงจัง
เฟิ่งชิงหัวยิ้มพลางกล่าว “ท่านไม่ได้ยินหรือ ท่านอาจติดเชื้อจากข้าก็ได้นะ ถึงตอนนั้นท่านอาจจะมีสภาพไม่ต่างจากศพพวกนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...