ฮ่องเต้เซวียนถ่ง: “......”
ถึงแม้ว่า ในราชสำนักมีขุนนางใหญ่ที่จงรักภักดีเช่นนี้เขาในฐานะจักรพรรดิรู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก แต่ว่าได้พบกับขุนนางใหญ่ที่ไม่รู้จักพลิกแพลงเช่นนี้ เขาก็ปวดศีรษะมากจริง ๆ
คิดเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอยู่ทุก ๆ วัน และยังต้องสร้างความสมดุลให้กับวังหลัง และยังต้องใช้สติปัญญาและความกล้าเพื่อรับมือกับบรรดาขุนนางใหญ่ที่บ้างก็เจ้าเล่ห์บ้างก็มีความยุติธรรมบ้างก็หัวโบราณ เขานี่ช่างลำบากเสียจริง
เหยียนหรูชิงเห็นฮ่องเต้ไม่พูดอะไร นึกว่ากำลังคิดเรื่องโทษฐานอยู่ ดังนั้นจึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างจงรักภักดี: “หากว่าฝ่าบาททรงลำบากใจ กระหม่อมมีคำแนะนำอย่างหนึ่ง ตอนนี้ท่านอ๋องเพิ่งหายดีได้ไม่นาน จะเหนื่อยเกินไปไม่ได้ ลงโทษกักบริเวณคัดพระคัมภีร์สามเดือน ส่วนพระชายาเจ็ด เรื่องนี้นางเป็นคนชักจูง ลงโทษนาง”
“จะลงโทษพระชายาของข้าอย่างไรหรือ? ข้าไม่รู้เลยว่า ใต้เท้าเหยียนไม่เพียงสืบคดีร้ายกาจ ความสามารถในการดึงคนอื่นลงม้าอยู่เบื้องหลังก็ร้ายกาจเช่นเดียวกัน” น้ำเสียงเคร่งขรึมเย็นชาของบุรุษดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู
ถึงตอนนี้เสียงรายงานจากข้าหลวงถึงได้ดังตามขึ้นมา: “ท่านอ๋องเจ็ดพระชายาเจ็ดเสด็จ!”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งเหลือบตามองบนให้กับการรายงานที่ล่าช้าของข้าหลวงที่ จากนั้นก็หันไปดูพระโอรสของตนที่กำลังจับมือพระชายาด้วยท่าทางเย็นชา จึงกล่าวขึ้นมาอย่างปีติยินดี: “เจ้าเจ็ด ขาของเจ้าหายดีแล้วเหรอ?”
จ้านเป่ยเซียวพยักหน้า: “หายดีชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ”
“หายดีแล้วก็คือหายดี เหตุใดยังมีชั่วคราวอีกเล่า? ข้าจะรีบให้หมอหลวงมาตรวจดูให้เจ้าตอนนี้เลย”
“ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้ายังเจ็บหรือไม่ นำรถเข็นติดตัวเอาไว้ตลอดดีกว่า หากเดินเหนื่อยแล้วยังพอให้นั่งพักผ่อนได้” น้ำเสียงของฮ่องเต้เซวียนถ่งเป็นมิตรเป็นพิเศษ หากไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน ยังต้องคิดเลยว่าขุนนางที่ประจบสอพลอคนนี้กำลังประจบประแจงท่านอ๋องเจ็ดอยู่
เฟิ่งชิงหัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังแทบทนดูไม่ได้ เห็นฮ่องเต้เซวียนถ่งมีท่าทางรักและเมตตาต่อจ้านเป่ยเซียวเช่นนี้ ไม่เหมือนกับจักรพรรดิเลือดเย็นในคำร่ำลือเลย ข่าวลือไม่เป็นที่น่าเชื่อถือจริง ๆ
เหยียนหรูชิงเห็นท่าทีของฮ่องเต้เซวียนถ่งก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น: “ฝ่าบาท พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะว่าจะลงโทษท่านอ๋องเจ็ดและพระชายาเจ็ด?”
“ตกลงกันแล้ว? ผู้ใดตกลงกับเจ้ากัน?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไป มีท่าทางที่เหมือนกำลังบอกว่าอย่ายุแยงให้พวกเราสองพ่อลูกแตกแยกกัน
เหยียนหรูชิงมีสีหน้าเคร่งขรึมลง: “ฝ่าบาท เช่นนั้นเรื่องในวันนี้ปล่อยให้มันแล้วไป ตอนนี้ศพพวกนั้นยังอยู่ในมือของท่านอ๋อง แม้กระทั่งว่าเป็นโรคอะไรยังไม่รู้เลย ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ ฝ่าบาทคิดจะปกป้องก็คงปกป้องไม่ได้ ต้องถือโอกาสนี้ควรจะลงโทษก็ลงโทษควรจะสืบเสาะก็สืบเสาะ นี่ถึงเป็นวิถีของจักรพรรดิผู้ปราดเปรื่อง?”
เหลือแค่พูดออกมาตรง ๆ พระองค์เป็นถึงบิดา เห็นพระโอรสทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้กลับไม่ลงโทษ พระองค์ช่างเป็นบิดาที่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ
ฮ่องเต้เซวียนถ่งหน้าเสีย และมองไปยังเหยียนหรูชิงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อหันไปมองจ้านเป่ยเซียวก็มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด: “เจ้าเจ็ด ศพพวกนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว ใต้เท้าเหยียนกำลังสืบคดีอยู่ รับมอบให้เขาไปเร็วเข้า”
จ้านเป่ยเซียวตอบไปอย่างเรียบ ๆ : “ตอนนี้ ยังมอบออกมาไม่ได้”
“เช่นนั้นเมื่อไหร่ถึงจะมอบออกมาได้เล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...