เฟิ่งชิงหัวมองดูจ้านเป่ยเฉินที่เต็มไปด้วยความเย็นชา จากนั้นก็หันไปมองท่านอ๋องเซลล์เดียว รู้สึกเพียงว่าเมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันมันให้ความรู้สึกน่ารักอย่างตลก ๆ
“คือว่า ท่านอ๋อง พวกเราแน่ใจหรือว่าจะยืนอยู่ที่หน้าประตู เลี้ยงยุงต่อไป?” เฟิ่งชิงหัวกล่าว และดึงแขนเสื้อของตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะ
จ้านเป่ยเซียวได้ยินเช่นนั้น ก็จับมือของเฟิ่งชิงหัวด้วยมือข้างหนึ่ง และผลักจ้านชิงอิงออกไปหลายก้าว จากนั้นก็เดินเข้าไปในตำหนัก
จ้านชิงอิงเดินตามฝีเท้าของทั้งสองคนเข้าไป สายตาตกอยู่ที่ขาของทั้งสองคน
ขาของพี่เจ็ดหายดีแล้ว เดินได้อย่างมั่นคง ไม่เลวเลย
พี่สะใภ้เจ็ดของเขา เท้าก็ไม่ได้เดินกะโผลกกะเผลกเช่นเดียวกัน ดูท่าแล้วพี่เจ็ดยังคงมิอาจตัดใจ
ไทเฮามองดูทั้งสองคนที่มีท่าทางสนิทสนมกัน ก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ข้าไม่สามารถแม้แต่จะเชิญพวกเจ้ามาทานอาหาร เจ้าเจ็ดตอนนี้เจ้าไม่เห็นข้ออยู่ในสายตาแล้วจริง ๆ”
จ้านเป่ยเซียวเงียบกริบ ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สวมหน้ากาก ทำให้มองสีหน้าของเขาไม่ออก ทว่าไม่ต้องดูก็สามารถรู้ได้ ไทเฮาถูกเขาเมินเฉยใส่จนชินแล้ว
จากนั้นก็ได้เลื่อนสายตาไปยังเฟิ่งชิงหัว: “อ๋องเจ็ดเป็นคนไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แล้วชายาเจ็ดเล่า หรือว่าจะเลียนแบบเขาเช่นนั้นหรือ? จวนเฉิงเซี่ยงสอนให้เจ้าเป็นภรรยาคนอื่นเช่นนี้หรือ?”
กล่าวไป ข้ากล่าวหาเช่นนี้ก็ได้ถูกสวมให้กับนาง
เฟิ่งชิงหัวสัมผัสได้ว่าจ้านเป่ยเซียวที่อยู่ด้านข้างไม่ค่อยจะพอใจนัก บีบมือของเขา จากนั้นก็ดึงมือออกมาจากฝ่ามือของเขา เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และหยิบเอาถุงผ้าเล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน
“เสด็จย่าเข้าใจผิดแล้วเพคะ หลานสะใภ้ได้ยินมาว่าเนื่องจากไม่กี่วันนี้อากาศแห้งแล้ง ทำให้พระองค์อารมณ์ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงให้ท่านอ๋องพาหลานสะใภ้ไปที่สวนบุปผาหลวงเพื่อทำถุงหอมดอกไม้สด นำติดตัวไว้ตลอดเวลา สามารถทำให้สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา”
ข้าหลวงได้ยินดังนั้นก็ได้นำกระเป๋าผ้าไปมองให้กับไทเฮา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...