เฟิ่งชิงหัวหัวเราะออกมา ไม่ได้อายจนโมโห แต่กลับกล่าวออกไปอย่างทิ่มแทงตรงๆ ว่า: “พี่ใหญ่ ความหมายในคำพูดนี้ของเจ้าก็คือเป็นเพราะว่าข้าไม่พอใจในตัวน้องสาม หาเหตุผลในการใช้กำลังของผู้ที่มีอำนาจ อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว?”
“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ? โดยปกติความสัมพันธ์ของน้องสามและเจ้าดูแย่เป็นพิเศษ ใช่ นิสัยของนางใจร้ายไปหน่อย เคยปีนเกลียวเจ้า แต่ว่ายังไงก็เป็นพี่สาวของเจ้า หรือว่าไม่ควรให้อภัยน้องสามที่ไม่รู้ความงั้นหรือ? แต่ว่าเจ้าน่ะเหรอ กลับจะนำพาคนมากมายเช่นนี้ จะมาใส่ความให้นางถูกพิษให้ได้ ยังบอกว่าเป็นพิษแบบเดียวกันกับผู้ชายกำยำพวกนั้นอีก เจ้าทำเช่นนี้ มันจะไม่ทำให้คนสงสัยในความเป็นคนที่ไร้เหตุผลของเจ้าเหรอ?” หนานกงเยว่หลีกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น ร่างก็สั่นไปหมด จ้องไปยังแสงน้ำที่อยู่ในดวงตาของเฟิ่งชิงหัว สมกับเป็นพี่สาวที่แสนดีที่เคยประณามชื่อเสียงของน้องจริงๆ
ตอนที่หนานกงเยว่หลีพูดคำพูดนี้อยู่ ก็อาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ได้สนใจ แอบหัวเราะเยาะเฟิ่งชิงหัวออกมา
หนานกงเยว่ลั่ว เจ้าไม่ใช่ว่าแต่งกับท่านอ๋องไปแล้วเหรอ เจ้าไม่ใช่ว่าได้รับอำนาจของราชวงศ์ให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญเหรอ?
งั้นข้าก็จะทำให้เจ้าอับอายขายขี้หน้า ทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์เจ้า ด่าทอเจ้า ดูว่าเจ้าจะรับไหวได้อย่างไร
หากเป็นร่างจริงของหนานกงเยว่หลี เกรงว่านี่ก็แค่ถูกหนานกงเยว่ลั่วพูดเช่นนี้ ร่างทั้งร่างก็เริ่มควบคุมไม่ได้แล้วก็คุกเข่าอธิบายอยู่กับพื้นไปแล้ว กลัวว่าคนจะเข้าใจผิด
แต่ทว่าเฟิ่งชิงหัวกลับไม่ได้รู้สึกร็สาอะไรกับการยุยงของนางเลย เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ไม่เพียงแต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตื่นเต้นอะไร แม้กระทั่งยังอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ หากเป็นคนอื่นมาพูดกับข้าเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าข้ายังรู้สึกว่ายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างหลายเท่า แต่ว่าโดยปกติท่านเห็นน้องสามเป็นสุนัขตัวหนึ่งเอาไว้เรียกใช้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลับจะมาแสดงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพี่น้องต่อหน้าข้าได้เล่า?”
“น้องรอง นี่เจ้าพูดอะไรน่ะ?” หนานกงเยว่หลีกล่าวแล้วก็เดินเข้ามาหา จับมือของนางไว้แน่น จากนั้นก็หกล้มลงกับพื้น แล้วกล่าวเสียงดังออกมาว่า: “น้องรอง ทำไมเจ้าต้องผลักข้าด้วย?”
หญิงงามหกล้ม แน่นอนว่าคนโดยรอบต่างก็รู้สึกเห็นใจ สายตาต่างค่อยๆ เคลื่อนที่ไปยังร่างของเฟิ่งชิงหัวอย่างแน่นิ่ง
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงรีบเข้ามาประคองลูกสาวของตนขึ้นมา แล้วกล่าวด่าว่าออกมาอย่างโมโห: “หนานกงเยว่ลั่ว ดาวมฤตยูอย่างเจ้า คิดไมม่ถึงว่าเจ้ากล้าผลักพี่ใหญ่ของเจ้า!”
น้ำตาของหนานกงเยว่หลีไหลรินออกมา ไหลอาบแก้มที่งดงามหยดลงบนพื้น น้ำเสียงได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไร้ที่สิ้นสุด: “น้องรอง ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากอภิเษกกับท่านอ๋องเจ็ด แต่ว่า แต่ว่าทั้งหมดนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือกนะ รัชทายาทไม่ยอมหมั้นหมายกับเจ้า เพื่อหน้าของเจ้า ข้าได้เพียงขอร้องอ้อนวอนให้เขาแม้ว่าจะถอนหมั้นกับเจ้า ก็จะต้องหาตระกูลครอบครัวดีๆ ให้เจ้า แม้ว่าท่านอ๋องเจ็ดขาทั้งสองข้างจะพิการ แต่ว่ายังไงก็เป็นเชื้อพระวงศ์ เพื่อธุระของเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าถูกคนด่าว่าว่าเป็นผู้หญิงเลวที่แย่งคู่รักน้องสาวไป ทำไมเจ้าจึงไม่คิดแทนข้าบ้าง”
นาทีนี้คนที่ห้อมล้อมเข้ามาไม่เพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ยังมีบ่าวรับใช้ของตระกูลขุนนางด้วย ได้ยินคำพูดของหนานกงเยว่หลีก็มีน้ำหนักอยู่หลายเท่า
ที่แท้ก็เป็นเรื่องแค่นี้นี่เอง เดิมรัชทายาทก็เกลียดชังคู่หมั้นที่ไร้หน้าตาไร้พรสวรรค์เช่นนี้อย่างคุณหนูรองสุดขีดอยู่แล้ว คุณหนูใหญ่เพื่อน้องงของตน ยินยอมที่จะแบกรับความฉาวโฉ่ในการแย่งชิงพิธีอภิเษกของน้องสาว ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตนเองและรัชทายาทจะมีส่วนร่วมทำให้พิธีสมรสของตนเองล่าช้าด้วย บัดนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ผู้หญิงที่คิดเพื่อน้องด้วยความจริงใจ เหตุใดจะไม่ให้คนเขาเห็นใจมากหลายเท่าได้กันเล่า
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงได้ฟังคำพูดนี้ก็รีบกล่าวอย่างหลักแหลมออกมาว่า: “หลีเอ๋อที่น่าสงสารของข้า เรื่องคู่ครองบัดนี้ก็ยังไม่ได้จัดการเสียที เจ้าไม่รู้จักขอบคุณ ยังจะมาผลักพี่สาวอีก เจ้านี่ช่างเลือดเย็นไร้ความรู้สึกจริงๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...