หนานกงจี๋มองมายังเฟิ่งชิงหัว เลิกคิ้วขึ้น: “ทำไม? เจ้าคิดจะขัดราชโองการ”
เฟิ่งชิงหัวคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้นแล้วเงยศีรษะขึ้นมา: “แน่นอนว่าไม่กล้า เพียงแต่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตามถึงก่อนก็ย่อมมีสิทธิ์ก่อนสินะ?”
“หมายความว่าอะไร?”
เฟิ่งชิงหัวยืนขึ้น ปัดดินทรายที่ติดตัวอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นแล้วกล่าวว่า: “ความหมายนี้ก็คือ พวกข้ารับคำสั่งให้มาพาคุณหนูสามเข้าวังก่อน สำหรับในราชโองการฉบับนี้คือความหมายอะไร ข้ายังไม่อยากรู้ชั่วคราว”
ในขณะที่พูดอยู่เฟิ่งชิงหัวมองมายังราชองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังของตน: “ทหาร ไปนำตัวคุณหนูสามกลับมาจากหลังเรือนก่อน กลับวังค่อยว่ากัน หากฝ่าบาทกล่าวโทษลงมา ข้าหนานกงเยว่ลั่วจะรับผิดชอบไว้เองคนเดียว!”
ราชองครักษ์พวกนั้นรีบลุกขึ้นมาฉับๆ ทันที แล้วพุ่งเข้าไปยังนอกจวนเฉิงเซี่ยง คนอื่นๆ คิดไม่ถึงว่ายังคิดตามไม่ได้ แน่นอนว่ายิ่งไม่อาจจะขัดขวางไว้ได้
“หนานกงเยว่ลั่ว! เจ้ากล้าเหรอ! ทั้งๆ ที่เจ้าก็รุ้อยู่ว่าความประสงค์ในราชโองการนี้คือให้เจ้าพาคนถอยออกไป ลู่ซิ่วให้อยู่รักษาอาการป่วยในจวนเฉิงเซี่ยงต่อไป!” ดวงตาทั้งสองข้างของหนานกงจี๋ถรนออกมา จ้องมายังเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่วางตา ไม่กล้าเชื่อว่านางจะต่อหน้าทำอย่างลับหลังทำอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นนี้
เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม: “เฉิงเซี่ยงพูดเล่นหรือเปล่า คนที่อยู่ตรงนี้ทุกคนมีหูกันหมด แต่ไม่มีใครได้ยินใต้เท้าเฉิงเซี่ยงอ่านราชโองการเลย เอาราชโองการปลอมมาเผยแพร่ถึงกับโทษตายเลยนะ”
“ขวางพวกขาไว้ รีบขวางพวกเขาไว้ให้ข้าเร็วเข้า!” หนานกงจี๋กล่าวออกมาด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด
พวกชาวบ้านที่อยู่รอบๆ แต่ละคนก็ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น คราวนี้ก็เลยอดที่จะเงยศีรษะขึ้นไปมองไม่ได้ ประตูทางเข้าใหญ่ของจวนเฉิงเซี่ยง คนที่อยู่สองข้างทางเจ้าถอยข้าผลักกันไปมา เพียงแต่ว่าองครักษ์ลับพวกนี้ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชองครักษ์ได้เลย ยังไงก็ต้องถูกซัดแน่นอน
บริเวณหลังเรือนจวนเฉิงเซี่ยง ณ ตอนนี้ ท่านน้าสุ่ยได้ยินเสียงเอะอะโวยวายทางประตูใหญ่มาตั้งนานแล้ว ในตอนนี้กำลังพูดเรื่องนี้กับลูกสาวของตนอยู่
“ลูก คนของจวนเฉิงเซี่ยงยังไงก็ไม่ยินยอมที่จะเอาตัวเจ้าส่งมอบให้เข้าวัง หรือว่าพวกเขาวางแผนไว้ว่าจะให้เจ้าตายอยู่ในจวนแบบนี้หัน?” ท่านน้าสุ่ยกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัวน้ำตาก็ไหลรินออกมาไม่หยุด
หนานกงลู่ซิ่วได้ยินดังนั้นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา: “กินปูนร้อนท้องน่ะสิ กังวลว่าข้าเข้าวังไปแล้วจะถูกท่านพี่รองสืบอะไรออกมาได้ ท่านแม่ นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้หลุดพ้นจากจวนเฉิงเซี่ยงเสียที”
“แม่รู้ แต่ว่าท่านพ่อของเจ้ากลับมาแล้ว ยังเอาราชโองการของฝ่าบาทกลับมาด้วย พี่รองแม้ว่าจะมีวิธีก็ไม่อาจขัดราชโองการได้หรอกนะ?”
หนานกงลู่ซิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า: “ดูท่าแล้วคงทำได้เพียงไปตายเอาดาบหน้า”
หนานกงลู่ซิ่วหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมาจากใต้หมอน แล้วออกแรงกรีดไปที่น่องของตนเองอย่างโหดร้าย เลือดก็ซึมออกมาทันที แล้วรีบทำให้เสื้อผ้าวาบหวิวที่อยู่บนตัวนางเปียกชื้นอย่างรวดเร็ว ดูไปแล้วน่าสยดสยอง
ท่านน้าสุ่ยอุดปากของตนไว้แน่น น้ำตาก็ไหลรวยรินอาบหน้าออกมาอย่างควบคุมให้หยุดไม่ได้
หนานกงลู่ซิ่วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมออกมาว่า: “ท่านแม่ ท่านวิ่งออกไป แล้วก็บอกว่ารอยมีดนี้ของข้าเป็นพี่ใหญ่ที่เป็นคนแทง บอกว่าข้าใกล้จะตายแล้ว”
ท่านน้าสุ่ยพยักหน้าลง ไม่กล้ามองบาดแผลของนางอีก รีบวิ่งออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“มีคนตายแล้ว จะมีคนตายแล้ว ขอร้องพวกท่าน ช่วยลูกสาวของข้าหน่อย ช่วงลูกสาวข้อหน่อยเถอะ ลูกสาวข้าใกล้จะตายแล้ว จะถูกคุณหนูใหญ่ทำลายจนตายแล้ว” ท่านน้าสุ่ยตะโกนไปพลางแล้วก็วิ่งมาทางด้านของประตูใหญ่ไปพลาง พอดีชนเข้ากับองครักษ์ที่บุกเข้ามา
องครักษ์พวกนั้นได้ยินดังนั้นก็รีบบุกเข้าไปในห้อง พอเพิ่งจะเข้าไปก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาด กลิ่นยาที่รุนแรงผสมกับกลิ่นคาวเลือดเข้าด้วยกัน มันช่างฉุนจมูกอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...