“คนเล่า ไปตายที่ไหนกันหมดแล้ว”จิ่งยี่เริ่มทำหน้าที่ขององครักษ์ เอ่ยเสียงดังขึ้นมา
ม่านเฉ่ากับเซียงเสว่รีบวิ่งออกมาจากห้องทันที คุกเข่าคำนับจ้านเป่ยเซียวอย่างพูดไม่ออก
จิ่งยี่พูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “คอของพวกเจ้าเป็นอะไรไป ทำไมจึงเหมือนถูกตัดลิ้นเลย”
ม่านเฉ่ากับเซียงเสว่รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาทันที
“เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม ”จ้านเป่ยเซียวเอ่ยเสียงเย็น
ม่านเฉ่าเงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นแต่หนักแน่น แต่ในสายตานั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แต่เซียงเสว่กลับคิดถึงคำพูดของเฟิ่งชิงหัวขึ้นมา เผลดหดตัวลง เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก
ด้วยเหตุนี้ พวกจ้านเป่ยเซียวจึงได้เห็นทั้งสองคนที่เหมือนราวกับดอกลำโพงที่เหี่ยวเฉา หดตัวลงอย่างแห้งเหี่ยว โดยเฉพาะริมฝีปากที่แห้งจนแตกระแหง โดยเฉพาะบนริมฝีปากนั้นมีเลือดไหลซิบออกมา
“นี่พวกเจ้าเป็นอะไรไป แค่ลงโทษไม่ให้กินข้าวหนึ่งมือก็มีสภาพอย่างนี้แล้วหรือ”
ม่านเฉ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย “พระชายาบอกว่า เพื่อแสดงความจริงใจต่อสิ่งที่นางกระทำผิดไป ไม่เพียงแต่ไม่กินอาหารค่ำ แม้แต่น้ำก็ห้ามดื่มอย่างเด็ดขาด พวกบ่าวเป็นคนของนาง จึงรับโทษแทนนาง”
จิ่งยี่ได้ยินดังนั้น ก็ทำเสียงจุ๊ปาก “ศิษย์พี่ พระชายาดูจะใจดำกว่าท่านเสียอีก อากาศร้อนขนาดนี้ ไม่ให้ดื่มน้ำ เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องแน่”
เหมือนจ้านเป่ยเซียวไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด ถามเสียงขรึมว่า “ตัวนางเล่า”
“พระชายา พระชายาอยู่ในห้องเพคะ”ม่านเฉ่าตอบคำถาม
“คงไม่ได้เป็นลมเพราะหิวเกินไปกระมัง”จิ่งยี่พูดแทรกขึ้น
จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้ามองเข้าไปในเรือน พอดีกับที่ ประตูเรือนถูกเปิดออก เห็นเพียงหญิงสาวที่สวมชุดปกติยืนอยู่หน้าประตู
ทั้งสองสบตากันในระยะไกล ทั่วทั้งสี่ทิศ เงียบสงบไร้เสียงเคลื่อนไหว
จ้านเป่ยเซียวสายตาคมกริบ เฟิ่งชิงหัวรู้สึกถึงแค่ความไม่สบายใจ รู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง คงไม่ได้ถูกจับได้หรอกกระมัง
นิ่งไว้ ต้องนิ่งเอาไว้ น่าจะไม่เป็นอะไร
เฟิ่งชิงหัวแอบกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าไปยังบันไดหิน เลียนแบบท่าทีของคุณหนูตระกูลใหญ่ ท่าทีสง่างาม เดินไปจนถึงตรงหน้าจ้านเป่ยเซียว คำนับอย่างนอบน้อม
“หม่อมฉันคำนับท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยธุระอันใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...