มือข้างหนึ่งของเฟิ่งชิงหัวยังคงจับอยู่ที่เข็มขัดของเขา อีกมือหยิกที่ไหมสวรรค์ของเขาอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฟิ่งชิงหัวก็เอ่ยว่า “ข้าก็แค่อยากทดสอบสักหน่อยว่ารังไหมนี้ยาวแค่ไหน จะได้ดูว่ามูลค่าของมันเป็นเท่าไหร่”
“อย่างนั้นเจ้าคำนวนออกมาแล้วหรือยัง”
“เกือบแล้ว” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในเมื่อคำนวนออกมาแล้ว แล้วทำไมมือของเจ้าถึงหยิกข้าอยู่อีก” จ้านเป่ยเซียวกล่าวแล้วก้มหน้าลงมองมือเล็กๆ นุ่มๆ ของเฟิ่งชิงหัว
ริมฝีปากของเฟิ่งชิงหัวกระตุก ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คือว่า ไม่ใช่อย่างนั้น กำลังจะปล่อยอยู่พอดี”
ระหว่างที่กล่าวก็ปล่อยอย่างไม่ค่อยยินดีนัก
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด อย่ารบกวนข้าที่นี่อีกเลย” จ้านเป่ยเซียวทำท่าทางรำคาญใจ
ระหว่างที่กล่าวก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมจะเดินเข้าไปในห้อง
เฟิ่งชิงหัวร้อนใจขึ้นมา จะปล่อยให้ไปแบบนี้ได้ยังไง ถ้าไปแล้ว นางจะยังเห็นไหมสวรรค์ได้อยู่อีกหรือ
“ท่านอ๋อง ท่านลืมไปแล้วหรือว่าสองสามวันนี้ข้าจะคอยดูแลท่าน เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านควบคุมตัวเองไม่ได้อีก” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยท่าทางเกินจริง
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว “อ้อ อย่างนั้นเจ้าก็ออกไปนอนบนเก้าอี้นุ่มด้านนอกก็แล้วกัน อย่ามาอยู่ใกล้ข้าเกินไป เวลาที่ข้าหลับ ข้าไม่ชอบให้มีคนมานอนอยู่ข้างๆ ข้า”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจ แล้วมองแผ่นหลังของจ้านเป่ยเซียวด้วยความสงสัย
เวลาที่เขานอนไม่ชอบให้มีคนอยู่ข้างๆ เขางั้นหรือ?
ทำไมนางไม่เห็นรู้เลย?
ก่อนหน้านี้นางถูกเขาบังคับให้นอนกับเขาบนเตียงตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ
แต่ใครใช้ให้เขามีของที่นางอยากได้เองเล่า? แน่นอนว่าเขาพูดอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้นเฟิ่งชิงหัวอยากจะยื่นมือออกไปจับหัวไหล่ของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้ “ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกว่าสองวันที่ผ่านมานี้ ท่านใช้เท้ามากเกินไป ข้าเลยกลัวว่าคืนนี้ท่านจะมีผลกระทบข้างเคียง ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านดีไหม”
“ไม่ต้อง ถ้าข้ามีอะไรเจ้าค่อยเข้ามา”
“ได้อย่างไร ช่วงนี้ข้านอนหลับเป็นตาย ข้ากลัวว่าจะทำให้เกิดผลกระทบไม่ดีกับท่านได้นะ”
จ้านเป่ยเซียวเตรียมจะนั่งลงบนเตียงก็ได้ยินเฟิ่งชิงหัวเอ่ยออกมาเช่นนี้ เขาจึงได้แต่เลิกคิ้วมองนาง “แล้วไง? เจ้าอยากนอนบนเตียงเดียวกับข้างั้นหรือ”
เฟิ่งชิงหัวมองไปที่เตียงด้านหลังของคนทั้งสอง พื้นผิวสีดำ ผ้าคลุมสีดำ ที่นอนล้วนเป็นสีดำทั้งผืน
เฟิ่งชิงหัวรีบพยักหน้า “ไม่ๆๆ ท่านอ๋องพักผ่อนเถิด ข้านอนตรงนี้ก็ได้” ระหว่างที่พูดก็ชี้ไปที่วางเท้า
จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้วแล้วจ้องไปที่มือของเฟิ่งชิงหัวที่จับไหมสวรรค์เอาไว้อย่างไม่ยอมวางมืออย่างไม่สบอารมณ์ ของชิ้นนี้ต่อให้ประณีตแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่ผ้าต่วนผืนหนึ่งเท่านั้น ทำไมนางถึงทำท่าราวกับว่าไม่อยากวางมันลงเช่นนี้
สรุปแล้วนางชอบจริงๆ หรือว่าแค่อยากใช้ผ้าต่วนผืนนี้เพื่อเข้าใกล้เขา?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้านเป่ยเซียวก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา ทันใดนั้นเองก็รู้สึกไม่อยากให้เฟิ่งชิงหัวนอนบนที่วางเท้าขึ้นมา จึงหันไปกล่าวว่า “เตียงก็ออกจะใหญ่ เจ้าขึ้นมานอนได้”
เฟิ่งชิงหัวรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องๆ อากาศร้อนจะแย่ ข้านอนที่ที่วางเท้าก็ได้ แม้ว่าอากาศจะร้อนแต่ก็ยังเย็นอยู่บ้าง”
ล้อเล่นรึเปล่า นางจะยอมขายหน้าเพราะเข็มขัดเส้นเดียวได้อย่างไร นางจะไม่ยอมสูญเสียคุณธรรมอย่างเด็ดขาด การนอนร่วมเตียงกับคนอื่นเช่นนี้ นางไม่มีทางทำอย่างแน่นอน
สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวเคร่งขรึมขึ้นมา จากนั้นจึงเอาหน้าซุกลงที่เตียงและไม่ได้กล่าวอะไรกับเฟิ่งชิงหัวอีก เฟิ่งชิงหัวสัมผัสได้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอเพียงแค่ไหมสวรรค์อยู่ที่เขาก็พอ
นางนอนลงตรงที่วางเท้า เฟิ่งชิงหัวกำลังครุ่นคิดต่อ ในขณะที่นางจะลองสำรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียง “ตึ้ง” นางรู้สึกถึงแรงที่มาลากนางไป ทำให้หน้าผากของนางกระแทกเข้ากับขาเตียง
เฟิ่งชิงหัวลองเอามือลูบดูและรู้สึกว่าบริเวณที่หน้าผากโดนกระแทกนั้นเกิดนูนขึ้นมา จนหัวของนางเกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา
เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นมาจากที่วางเท้าพลางเอามือกุมหัวเอาไว้ จากนั้นจึงมองไปที่เขาที่เขยิบจากนอกเตียงไปด้านในเตียงแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “จ้านเป่ยเซียว ท่านตั้งใจใช่หรือไม่”
จ้านเป่ยเซียวหัวหน้าไปมอง “อะไรหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...