เฟิ่งชิงหัวมองพิจารณาจ้านชิงอิงตั้งแต่หัวจรดเท้า : “วรยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”
จ้านชิงอิงได้ยินดังนั้นก็พูดอย่างภาคภูมิใจ : “หนึ่งต่อสิบนับว่าไม่มีปัญหา”
เฟิ่งชิงหัวลูบคางแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เช่นนั้นตอนนี้ตนเองคงเอาชนะไม่ได้
“อยากรู้หรือ ได้สิ แต่เจ้าต้องช่วยอะไรข้าสักอย่างก่อน” เฟิ่งชิงหัวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“เรื่องอะไร ?”
“หลิวหยิ่ง ไปช่วยข้าหาเชือกมาหนึ่งเส้น เอาที่เล็กและแข็งแรง”
ไม่ช้า หลิวหยิ่งก็หยิบมาหนึ่งเส้น เฟิ่งชิงหัวมุ่ยปาก แล้วสั่งจ้านชิงอิง : “มา มัดมือซ้ายหนึ่งรอบ มัดมือขวาหนึ่งรอบ ใช่แล้ว ตวัดมา เจ้าช้าจริง ๆ เลย ข้าจะช่วยเข้าเอง”
ขณะที่พูด จ้านชิงอิงยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือทั้งสองข้างก็ถูกมัดเรียบร้อยแล้ว คิดที่จะแก้ให้หลุด แต่กลับพบว่ายิ่งแก้ก็ยิ่งแน่น อีกทั้งยังไม่สามารถใช้วรยุทธ์ทำให้มันขาดได้อีกด้วย
จ้านชิงอิงหน้าถอดสี : “นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า ?”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มแล้วพูดว่า : “วันนั้น คนผู้นั้นเตะเจ้าเช่นนี้ใช่หรือไม่ ?”
ขณะที่พูด ก็เหาะลอยตัวแล้วเตะจ้านชิงอิงกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร
หลิงหยิ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นปิดหน้า แอบนึกสงสารอยู่ในใจ ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงจนได้
จ้านชิงอิงเกิอบล้มลง ไม่ง่ายที่จะกลับมายืนอย่างมั่นคง และยังรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น : “เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
เฟิ่งชิงหัวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม : “เพราะคนที่เตะเจ้า ก็คือข้าอย่างไรเล่า”
จ้านชิงอิงได้ยินดังนั้น ก็จ้องเฟิ่งชิงหัวตาเขม็ง รู้สึกเพียงว่าห่างเหิน ไม่สนิทสนม และจู่ ๆ ก็รู้สึกไม่กล้ารู้จักขึ้นมา ผ่านไปสักพักถึงได้พูดขึ้นมาว่า : “เจ้าเองหรือ ?”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มแล้พูดว่า : “จะจับจุดโคมลอยไหมล่ะ ?”
รอยยิ้มนั้นช่างชั่วร้ายนัก หัวใจดวงเล็ก ๆ ของจ้านชิงอิงถูกทำให้ตกใจไม่น้อย และถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเมื่อคิดได้ว่าตนเองนั้นเป็นผู้ชาย ที่เผชิญหน้าอยู่ก้ฌป้นเพียงแค่หญิงสาวผู้อ่อนแอที่ไร้พิษสง จะทำอะไรเขาได้
จึงยืดอกและพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาทันที : “เป็นเจ้านี่เอง ข้าขอเตือนท่านนะ รีบคลายมัดข้าเดี๋ยวนี้ และยกน้ำยามาคุกเข่าคารวะเพื่อยอมรับผิด มิเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางแบกรับผลที่จะตามมาได้แน่นอน”
ขณะที่พูด เขาก็เชิดหน้าอย่างหยิ่งยโส มีทีท่าเหมือนเทพเจ้าที่รอให้คนทั้งโลกมากราบไหว้
ใครจะไปคาดคิด ไม่เพียงไม่ได้รับการกราบไหว้ แต่ถูกเขกหัวเสียนี่
เจ็บจนจ้านชิงอิงร้องโอดโอยตัวงอ : “ผู้หญิงบ้า เจ้ากล้าตีข้าหรือ !”
“เรียกพี่สะใภ้ !”
“เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ท่านพี่เจ็ดของข้าอยากแต่งงานด้วยสักหน่อย ทำไมข้าต้องเรียกเจ้าด้วย ที่ผู้คนภายนอกเรียกเจ้าต่อหน้า ก็เพื่อให้เกียรติท่านพี่เจ็ดของข้าเท่านั้น ตอนนี้ เจ้าเลิกคิดไปได้เลย !” จ้านชิงอิงแสดงทีท่ายอมหักไม่ยอมงอ เอาให้ตายกันไปข้างเดียว
เฟิ่งชิงหัวเขกหัวอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี เสียงที่ดังขึ้นนั้น ก้องกังวาลเหมือนเคาะโอ่งน้ำ
ตอนนี้องครักษ์ทั้งห้าสิบคนในลานต่างยืนไว้อาลัย รวมไปถึงหลิวหยิ่งที่คอยยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของอ๋องสิบสองสูญสิ้นแล้ว
“จะเรียกหรือไม่เรียก !”
“ข้าไม่เรียก ! เจ้าเตะข้าก่อน ซ้ำยังดูถูกข้าอีก ! ข้าจ้านชิงอิงกับเจ้าไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ !” จ้านชิงอิงตะโกนเสียงสูง
“จะเรียกหรือไม่เรียก !”
จ้านชิงอิงรู้สึกเพียงว่า เหนือศีรษะมีรอยปูดบวมอยู่หลายจุดแล้ว จึงคิดอยากจะหนีตามสัญชาตญาณ ทว่า เฟิ่งชิงหัวได้เตรียมตั้งรับไว้นานแล้ว จึงกวาดขาออกไปทำให้เขาล้มลงทันที
จ้านชิงอิงคิดจะเคลื่อนไหวกำลังภายในเพื่อหลบหนี แต่เฟิ่งชิงหัวจะปล่อยให้เขาสมความปรารถนาได้อย่างไร จึงสกัดจุดเขา ทำให้สูญเสียวรยุทธ์
จ้านชิงอิงเหมือนกับเหยี่ยวที่ถูกตัดปีก เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวเดินใกล้เข้ามา ก็ใช้ขาทั้งสองข้างตะเกียกตะกาย : “เจ้าคือนังงูพิษ เจ้ากล้าแตะต้องข้า เจ้าเชื่อไหมว่าท่านพี่เจ็ดต้องหย่ากับเจ้าแน่ !”
“หย่ากับข้า ? แล้วเจ้าเชื่อไหมว่า ก่อนที่เขาจะหย่ากับข้า คงวางยาพิษปิดปากเจ้าเสียก่อน ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...