จ้านเป่ยเซียวเม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าไม่สบอารมณ์
“ที่นี่คือที่ของผู้อื่น มิใช่จวนอ๋องเฉินของท่าน ท่านยับยั้งตัวเองหน่อย” เฟิ่งชิงหัวถลึงตาใส่เขา
จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว: “ทำไม กลับไปแล้วถึงไม่ต้องยับยั้ง เช่นนั้นก็กลับไปกันเถอะ”
“กลับมะเหงกสิ ข้าวางแผนไว้อย่างดีถูกท่านทำลายหมดแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้พบองค์ชายใหญ่อีกครั้ง” เฟิ่งชิงหัวเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
นอกประตูตำหนัก นางกำนัลเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง และรายงานผ่านม่านมุ้ง: “องค์หญิง ก่อนไปองค์ชายใหญ่ได้บอกว่า พรุ่งนี้เช้าเขาจะเข้ามาอีกครั้ง ให้ท่านจัดการกับของสกปรกนั่นให้เรียบร้อย มิเช่นนั้น เขาจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่”
“ทราบแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามเข้ามา”
นางกำนัลถอยออกไปตามคำสั่ง เฟิ่งชิงหัวตัวอ่อนฮวบลงไปโดยสิ้นเชิง ทรุดตัวลงไปบนเตียง: “ทำคนตกใจแทบตายแน่ะ”
“องค์ชายใหญ่แห่งเป่ยเว่ย เชียงตี๋ ฮ่าว ดูแล้วเหมือนว่าจะมิได้ฉลาดอย่างคำเล่าลือ” จ้านเป่ยเซียวพิงตัวอยู่ข้าง ๆ จ้านเป่ยเซียวอย่างสบาย ๆ ค้ำศีรษะจ้องมองเขา
เฟิ่งชิงหัวกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะขจัดความบาดหมางกับองค์ชายใหญ่ ได้ยินคำพูดของจ้านเป่ยเซียวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงลุกพรวดขึ้นมาทันที จ้องมองจ้านเป่ยเซียวด้วยสีหน้าตกตะลึง: “ท่านว่าอย่างไรนะ เขาชื่ออะไร?”
“เหตุใดเจ้าถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ เชียงตี๋คือแซ่ของราชวงศ์เป่ยเว่ย เขามีนามว่า ฮ่าว พยางค์เดียว”
“ฮ่าว ฮ่าวไหนหรือ? คงไม่ใช่ฮ่าวที่แปลว่ามีคุณธรรมตรงไปตรงมาหรอกนะ?” เฟิ่งชิงหัวกลืนน้ำลาย ความคิดที่พิสดารได้ปรากฏขึ้นมาในสมองของนาง
จ้านเป่ยเซียวเงยหน้ามองนาง แฝงไปด้วยความไม่พอใจ: “มีคุณธรรมตรงไปตรงมา เจ้าประเมินค่าให้เขาสูงไม่เบานี่? ทำไม ชอบบุรุษที่หยาบกร้านราวกับยังมิได้วิวัฒนาการอย่างนั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวไม่ได้สนใจคำพูดเย้ยหยันของจ้านเป่ยเซียว หยิบเขาจดหมายที่อยู่ใต้หมอนฉบับนั้นออกมาดูอีกครั้งอย่างแข็งกระด้าง
หากบอกว่าตอนดูครั้งแรกนั้นเพียงแค่รู้สึกเลี่ยนจวนจะอ้วก เช่นนั้นตอนนี้ พูดได้ว่าขนลุกขนพอง
ดูจากความคุ้นชินของจดหมายฉบับนี้ นี่จะต้องไม่ใช่จดหมายฉบับแรกอย่างแน่นอน แล้วจดหมายก่อนหน้านี้เล่า?
หรือว่าจะส่งให้องค์ชายใหญ่แล้ว?
เช่นนั้นภายในใจขององค์ชายใหญ่เองก็รู้ว่าเสด็จน้องคนละมารดาของตนคิดอย่างไรหรือถึงขั้นที่ว่ากำลังคบหากันอยู่?
เฟิ่งชิงหัวหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างองค์ชายใหญ่ในเมื่อสักครู่อย่างละเอียด ในที่สุดก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่อยู่ในคำพูดของอีกฝ่าย
“นี่ มัน ชักจะ น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยไหม?” เฟิ่งชิงหัวมองไปทางจ้านเป่ยเซียวอย่างพูดไม่ออก: “คือว่า พวกเขาสองคน ข้าคิดมากเกินไปหรือเปล่า?”
จ้านเป่ยเซียวทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา: “เดิมทีคนแคว้นเป่ยเว่ยก็แข็งกระด้างดุร้ายอยู่แล้ว เรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ก็มิใช่ครั้งแรก เมื่อครั้งที่พวกเขายังอาศัยอยู่บนทุ่งหญ้า เรื่องที่หลังจากบิดาตายบุตรชายก็รับช่วงภรรยาน้อยหลวงรวมทั้งลูกหลานของคนเป็นพ่อต่อก็มีอยู่ถมเถไป”
“ดังนั้นการแต่งงานร่วมสายเลือดของพวกเขา ยังเป็นวัฒนธรรม?”
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังไม่ได้ยินเรื่องนี้ บางทีแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็น่าจะไม่ประกาศออกไปกระมัง”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้น เฟิ่งชิงหัวก็มองไปที่จ้านเป่ยเซียวด้วยความโกรธเคือง: “เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดีเล่า เดิมทีทั้งสองคนต่างมีใจให้กันและกัน ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็มีนายบำเรอโผล่ออกมา ท่านจะให้ข้าดำเนินตามแผนต่ออย่างไร?”
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว: “ข้าไม่ได้ดึงเจ้าขึ้นมาเสียหน่อย อีกอย่างเมื่อสักครู่เจ้าก็เป็นคนรับปากเอง”
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกปวดสมองยิ่งนัก เดิมทีก็ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้ยังได้ล่วงเกินอีกฝ่ายไปเสียแล้ว แล้วจากนี้จะทำให้กลับมาเป็นดั่งเดิมได้อย่างไร?
“เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? คืนนี้จะนอนอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?” จ้านเป่ยเซียวมองดูบริเวณรอบ ๆ ด้วยความรังเกียจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...