เหลียวเถียนเถียนรู้สึกว่าตนเองเดินไปถึงหน้าห้องเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง ประตูแง้มไว้อยู่ นางผลักประตูเดินเข้าไปตามสัญชาตญาณ จึงพบว่าด้านในนั้นเป็นโลงศพแต่ละโลงวางรกเรียงรายอยู่ในลานเรือนเต็มไปหมด อีกทั้งโลงไม้เนื่องจากถูกฝนสาดเปียกจนผุพังไปหมดแล้ว หล่นลงมาจากชั้นวางไม้ แตกลงบนพื้น เผยให้เห็นขาที่เป็นกระดูกออกมาหนึ่งข้าง ในบรรยากาศตรงนั้นเปี่ยมไปด้วยกลิ่นศพเน่าเฟะเต็มไปหมด
นางอยากจะก้าวถอยหลัง แต่ร่างกลับเดินไปด้านหน้าอีกตราสัญชาตญาณ เพราะว่านางได้ยินเสียงขยับเขยื้อนตะกุกตะกักดังออกมาจากหนึ่งในโลงไม้โลงหนึ่ง
หลังจากนางเดินเข้าไปดูอย่างละเอียดแล้ว พบว่ามีคนคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง ในมือก็กอดของบางอย่างเอาไว้และกัดแทะอยู่
เหลียวเถียนเถียนกล่าวออกมาตามสัญชาตญาณว่า: “เจ้ากำลังกินอะไร?”
คนผู้นั้นค่อยๆ หันหน้ามา ผมเผ้ารกรุงรัง ของที่กอดอยู่ในมือเป็นมือที่อาบเลือดข้างหนึ่งไว้ปรากฏออกมาอย่างฉับพลัน
คนผู้นั้นกล่าวอย่างเนิบนาบว่า: “เจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเลยหรือ?”
เหลียวเถียนเถียนถามออกมาด้วยความสงสัย: “เจ็บ? ทำไมข้าต้องเจ็บด้วย?”
ในขณะที่พูดอยู่ก็มองมาที่ตนเองตามสัญชาตญาณ กลับพบว่ามือขวาของตนเอง ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และของที่คนผู้นั้นถืออยู่นั้นก็เป็นมือของตนเอง เนื้อผ้าบนนั้นเหมือนกับของตนเองไม่มีผิดเลย
เหลียวเถียนเถียนกรีดร้องออกมาแล้วก็วิ่งไปด้านนอก จากนั้นนางกลับพบว่าขาทั้งสองข้างราวกับว่าจะถูกคนจับเอาไว้อยู่ ก้มศีรษะลงไปมอง มีสองคนทั้งซ้ายและขวาจับขาทั้งสองข้างของนางเอาไว้แน่น เงยศีรษะหันมาทางนางแล้วกล่าวว่า: “ข้าหิวมาก ข้าอยากกินอะไรหน่อย”
“อ้าๆๆๆๆ!” ที่นั่งนั่งอยู่บนอาสนะจู่ๆ ก็ดิ้นรนขึ้นมา ล้มลุกคลุกคลานไปหมด ทันใดนั้นก็ปัดพลิกคว่ำฉากกั้นลมที่อยู่สองข้างทางในห้อง แม้แต่คนที่ถือไว้นั้นก็หกล้มลงกับพื้นอย่างจนตรอกอยู่กับพื้น
ผ้าที่ปิดตาอยู่นั้นก็หล่นออกมา รอบด้านสว่างจ้าขึ้นมาทันที ฉากเมื่อครู่นี้เป็นภาพเสมือนจริงงั้นหรือ
“วิชามาร เจ้า เจ้าเป็นวิชามาร!” เหลียวเถียนเถียนจ้องถลึงไปยังเฟิ่งชิงหัว เปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก
เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้าแล้วกล่าวออกมาว่า: “ไม่ใช่นะ นี่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอแนะทางจิตวิทยาแบบหนึ่งเท่านั้นเอง ในเนื้อเรื่องเมื่อครู่ที่ข้าเพิ่งเล่าไปนั้น นักแสดงนำหญิงเป็นเพียงชื่อของเจ้าเท่านั้นเอง เจ้าถลำลึกเข้าไปมากเกินไปเองจึงรู้สึกว่าตนเองเหมือนว่ากำลังเจ็บปวดอยู่จริงๆ”
เหลียวเถียนเถียนมองดูมือของตนเอง แล้วก็มองดูขาของตนเอง ก็สมบูรณ์ไร้ที่ติ ก็เลยโล่งใจแล้วถอนหายใจออกมาได้ เกิดความเคียดแค้นขึ้นในใจ โกรธเกลียดที่นางทำให้ตนเองอับอายขายหน้าต่อหน้าพวกพ้องพี่น้องทั้งหมดเช่นนี้
ประตูห้องถูกคนผลักออกมาจากด้านนอก เป็นแม่นางสองท่านเมื่อครู่นี้พอดี เห็นฉากกั้นห้องพังทลายอยู่กับพื้นไปหมด แล้วหันมากล่าวกับเหลียวเถียนเถียนว่า: “คุณหนูเหลียว ฉากกั้นห้องบานนี้มูลค่าหนึ่งพันตำลึง จำเป็นต้องชดใช้ตามมูลค่า”
เหลียวเถียนเถียนลุกขึ้นยืนจากบนพื้น จัดแจงเสื้อผ้าของตนเองครู่หนึ่ง แล้วกล่าวกับสองคนที่อยู่ด้านนอกว่า: “ฉากกั้นห้องนี้เป็นข้าขนไม่ผิดแน่ แต่ว่าแต่กลับเป็นองค์หญิงซีหลันที่ผลักข้าจึงเสียหายเช่นนี้ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้เชื้อเชิญนางเข้ามา ขอให้แม่นางทั้งสองเชิญนางออกไปด้วย”
เหลียวเถียนเถียนพูดจบก็หันมาส่งสายตากับพวกพ้องสองสามคนนั้น
ทันใดนั้น สองสามคนนั้นก็รีบพยักหน้าทันที
“ใช่แล้ว องค์หญิงซีหลันแอบรักท่านอ๋องเจ็ดเพียงฝ่ายเดียว ตามพวกเราเข้ามา ยังไงนางก็ไม่มีป้ายหอไล่ตามเมฆาอยู่แล้ว”
“ใช่แล้วล่ะ เมื่อครู่ตอนที่คุณหนูเหลียวให้นางรีบออกไป นางกลับผลักคุณหนูเหลียวให้ล้มลง เรื่องชดใช้ย่อมต้องเป็นนางที่เป็นคนรับผิดชอบ”
สองสามคนพลิกลิ้นกันไปมาให้วุ่น ต่างพากันโยนความรับผิดชอบมายังตัวของเฟิ่งชิงหัว
สองคนที่อยู่หน้าประตูสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามา คนหนึ่งในนั้นกล่าวว่า: “องค์หญิงซีหลัน ในเมื่อท่านก็ไม่ใช่แขกที่คุณหนูเหลียวเชื้อเชิญ เชิญตามข้าออกไปด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...