ก็ได้ ใบหน้าของนางทำให้เขาสิ้นหวังไปเลย
ในตอนที่เฟิ่งชิงหัวไม่พอใจอยู่นั้น ก็พบว่ามือของตนเองหายไปแล้ว แต่สิ่งที่มาแทนที่กลับเป็นขาหมูห่อไว้ด้วยผ้าพันแผลหลายชั้นไว้แน่นอยู่ก้อนหนึ่ง
เฟิ่งชิงหัวลองดูแล้วก็พบว่าการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวในนั้นไม่ไหวเลย เหมือนดั่งแมวกวักก็ไม่ปานกวัดแกว่งมาทางจ้านเป่ยเซียว: “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ดูเหมือนว่าข้าจำได้ว่าข้าแค่ถูกลวกบาดเจ็บเองนะ?”
“พันให้หนาไว้หน่อย เพื่อเลี่ยงให้เจ้ามือไม้สะเพร่าไปทำหลุด” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ทำหลุด? เจ้าพันให้ข้าเป็นสภาพนี้ อย่างกับกระสอบทรายก็ว่าได้ งั้นมื้อเย็นข้าจะกินอาหารยังไง? ใช้มือซ้ายงั้นเหรอ?” เฟิ่งชิงหัวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จ้านเป่ยเซียวเอนศีรษะไปเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยนัยอื่นอยู่: “เจ้าคิดแต่เรื่องกิน มื้อเย็น ข้าจะฝืนทนป้อนเจ้าเสียสองวัน”
“ป้อนข้า? ไม่ได้ๆๆ” มือข้างหนึ่งและอุ้งเท้าอีกข้างหนึ่งของเฟิ่งชิงหัวโบกสะบัดขึ้นอย่างรวดเร็ว: “ข้าก็ไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ท่ไหนจะต้องการคนมาป้อนข้าว”
จ้านเป่ยเซียวได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างก็จ้องมายังเฟิ่งชิงหัวอย่างแน่นิ่ง ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความคับแค้นใจ: “งั้นเมื่อครู่เหตุใดเจ้าป้อนอาหารให้ข้า? หรือว่าข้าก็เป็นเด็กน้อย?”
“นั่น นั่นไม่ใช่ว่าแค่ครู่เดียวเหรอ แต่ว่าข้าไม่เหมือนกัน ข้ากินเยอะมาก”
“อืม ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“แต่ว่า......”
“ไม่มีอะไรแต่ว่า ตกลงตามนี้แหละ!” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยเสียงเข้ม
เฟิ่งชิงหัวก้มศีรษะลงแล้วกล่าวเสียงเบาๆ : “แต่ว่าหน้าร้อนอากาศร้อนขนาดนั้น พันผ้าพันแผลหลายชั้นขนาดนั้น บาดแผลไม่มีอากาศหายใจจะเน่าเอาได้ ถึงตอนนั้นอาจจะหลงเหลือรอยแผลเป็นไว้ เป็นไปได้ว่าจะเกิดรอบบวมบูดขึ้นมา”
สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวนิ่งงันไปครู่หนึ่ง หันหลังไป กระแอมออกมาเบาๆ คำหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย: “ทำไมเจ้าถึงไม่พูดให้ไวกว่านี้”
เฟิ่งชิงหัวทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง: “ก็นี่ข้ายังไม่ทันได้สติกลับมาเลย จู่ๆ เจ้าก็พันเป็นแบบนี้ให้ข้าแล้ว ข้าก็คิดว่าข้ามีอาการสาหัสจนถึงขั้นต้องเข้าเฝือกเสียอีก”
จ้านเป่ยเซียวกล่าว: “งั้น อีกประเดี๋ยวรอฤทธิ์ยาหมดแล้วก็ค่อยพันบางๆ ใหม่อีกรอบหนึ่งละกัน”
เฟิ่งชิงหัวกล่าว: “แต่ว่านี่มันก็น่าเกลียดเกินไปเปล่า เดี๋ยวนางในมาส่งสำรับอาหารเห็นเข้า รับรองว่าต้องหัวเราะข้าเป็นแน่”
จ้านเป่ยเซียวสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา จ้องไปยังมือข้างนั้นครู่หนึ่ง แล้วก็แกะผ้าพันแผลออกโดยที่ไม่กล่าวคำใดๆ ออกมา อีกทั้งยังใส่ยาเข้าไปใหม่อีกรอบหนึ่ง ภายใต้การชี้แนะของเฟิ่งชิงหัวจึงพันแค่ชั้นเดียวแล้ว อีกทั้งยังผูกเงื่อนหูกระต่ายไว้ยนนั้นด้วย
เฟิ่งชิงหัวยกหลังมือของตนเองขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดครู่หนึ่ง ได้เพียงมองไปยังจ้านเป่ยเซียวที่กล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “มีปัญหาอะไรอีกงั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวส่ายไปมาแล้วกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจว่า: “ท่านอ๋อง คิดไม่ถึงว่าท่านจะผูกเงื่อนหูกระต่ายเป็นด้วย ช่างร้ายกาจจริงเชียว”
“นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกอะไร! ของที่ข้าเป็นมีตั้งเยอะแยะมากมาย!” ในตอนนี้จ้านเป่ยเซียวไม่ได้อยากจะสนทนากับเฟิ่งชิงหัวแม้แต่นิดเลยจริงๆ
เฟิ่งชิงหัวเม้มปากอย่างมีชั้นเชิง ไม่พูดอีกแล้ว แล้วก็นั่งอยู่ตรงขอบเตียงแบบนี้ จับดึงหูกระต่ายทั้งสองข้างที่อยู่บนหลังมือไปมา
จ้านเป่ยเซียวเอนศีรษะมองไปยังท่าทางการเคลื่อนไหวของนาง รู้สึกว่าหูของตนเองก็คันตามขึ้นมาด้วย ค่อนข้างไม่เป็นอิสระเท่าไร
ดีที่เหลียนซินเคาะประตูขึ้นอีกครั้งที่นอกตำหนัก เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นรับเอากล่องสำรับอาหารเข้ามา แล้วเก็บจานที่อยู่บนโต๊ะใส่ไปในกล่องสำรับอีกฟากหนึ่ง เอาอาหารใหม่ขึ้นมาจัดวางให้เรียบร้อย
“ท่านอ๋อง กินข้างได้แล้ว” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
จ้านเป่ยเซียวก้าวออกไปอย่างเยื้องย่าง นั่งลงด้านหน้าโต๊ะ เฟิ่งชิงหัวหาวออกมาแล้วกล่าวว่า: “เจ้าค่อยๆ กินนะ ข้าขอไปนอนก่อน”
ในขณะที่พูดอยู่ก็เข้าไปในห้องด้านในเลยทันที ดึงม่านลงมา ล้มศีรษะลงไปบนหมอนแล้วก็หลับตาลงไปเลย
จ้านเป่ยเซียวก็กินอาหารไปไม่กี่คำอย่างเรียบง่ายแล้วก็เข้าไปยังห้องด้านใน ภายในม่านบางๆ สีอ่อนๆ หญิงสาวที่หลับไปแล้วได้เบิกตาสีดำขึ้นมาหนึ่งคู่ จ้องมายังคนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างงัวเงีย เสียงแหบแห้งเล็กน้อยค่อนข้างเลี่ยนทุ้มเป็นพิเศษ: “ข้านอนครู่เดียว เจ้าอย่ากวนข้า”
ในดวงตาดำของจ้านเป่ยเซียวเปล่งประกายแสงแห่งความอ่อนโยนขึ้นมา ค่อยๆ ก้มศีรษะลง แล้วจูบไปยังหว่างคิ้วของเฟิ่งชิงหัวอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงน่าฟังราวกับเทปเพลง: “นอนเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...