จวบจนเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ขององค์หญิงเป่ยเว่ย ภายในหัวสมองของเฟิ่งชิงหัวก็ยังยกย่องชมเชยตัวเองไม่หยุด แม้แต่เหลียนซินที่พูดอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้สนใจไปฟังเลย
“องค์หญิง องค์หญิง” เหลียนซินไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงส่งเสียงดังออกมา
“อืม? เป็นอะไรไป?” เฟิ่งชิงหัวได้สติมองมาที่นาง
“องค์หญิง พวกเราเดินอ้อมดีกว่าเถอะเพคะ” เหลียนซินกล่าวเตือนอย่างระแวดระวัง
“ทำไม?” เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเล็กน้อย
เหลียนซินพูดอยู่ข้างหูนางเสียงเบาๆ ว่า: “ซูเฟยเหนียงเหนียงท่านนั้นที่อยู่เบื้องหน้า เป็นท่านป้าของคุณหนูเจียงเพคะ”
เฟิ่งชิงหัวหรี่ตาลงมองไปครู่หนึ่ง เบื้องหน้านั้นสตรีที่สวมชุดอันงดงามถูกรายล้อมไปด้วยนางในห้าหกคน ในตอนนี้กำลังหยุดอยู่ที่หมู่ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ยื่นมือออกไปหักกิ่งไม้ เป็นภาพที่งดงามมาก
“ข้าเคยล่วงเกินนาง?” เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้วแล้วกล่าวออกมา
“นั้นก็ไม่เคยเพคะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นกลัวอะไร พวกเราไปกัน” ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวพูดอยู่ก็นำพาเหลียนซินก้าวไปข้างหน้าด้วยก้าวใหญ่ๆ ทันที
นางก็ไม่ได้คิดว่าจะทักทายกับซูเฟยเหนียงเหนียงอยู่แล้ว ก็เพียงแค่เดินผ่านนางไปแล้วก็จากไปเท่านั้น แต่ว่ายังไม่ทันไปเดินไปด้านหน้า นางในที่อยู่ข้างกายของซูเฟยก็กล่าวเอะอะออกมาว่า: “บังอาจ เห็นซูเฟยเหนียงเหนียงแล้วคิดไม่ถึงว่ายังกล้าที่จะไม่คุกเข่าอีก”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็มองไปยังด้านหลังของตนครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้มาที่ตัวเองแล้วกล่าวว่า: “นี่เจ้ากำลังพูดกับข้างั้นหรือ?”
“องค์ข้าอะไรกัน ภายในวังหลวงแห่งนี้ มีเพียงโอรสธิดาของฝ่าบาทและเหนียงเหนียงที่อยู่ในวังเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเรียกตนเองว่าองค์ข้าได้ เจ้าก็แค่เป็นองค์หญิงต่างแคว้น เห็นเหนียงเหนียงของแคว้นข้าแล้วไม่ทำความเคารพ ช่างเป็นโทษที่หนักหนายิ่งนัก!” ท่าทางของคนในวังผู้นั้นดูวางอำนาจข่มคน ภายในดวงตาที่มองมายังเฟิ่งชิงหัวเปี่ยมไปด้วยความดูถูก
เฟิ่งชิงหัวมองไปยังซูเฟยเหนียงเหนียง แต่กลับเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามยังคงหันหลังชมดอกไม้อยู่ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่คนวังของตนเองอบรมตนเองก็ไม่ปาน
นี่นางก็ได้สังเกตไว้ดีแล้วว่ารอบด้านไม่มีใคร หลังจากที่ตนเองถูกนางในของนางอบรมไปก็ได้เพียงเป็นใบ้อย่างเสียเปรียบไปเลย?
อีกทั้งยังอาศัยที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนางด้วย รู้สึกว่าตนเองแม้ว่าจะร้องทุกข์ไปถึงสวรรค์ยังไงก็ไม่ถูกทำโทษอยู่แล้ว?
พระสนมทรงโปรดในตอนนี้อวดดีขนาดนี้เลย อีกทั้งยังไม่มีสมองด้วยงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้วขึ้นมองมาทางเหลียนซินที่อยู่ด้านข้าง: “คนผู้นี้เป็นใคร? พวกเรารู้จักไหม?”
เหลียนซินเห็นสีหน้าท่าทางของเฟิ่งชิงหัวดูงุนงง ทันใดนั้นก็เข้าใจในความหมายของนางทันทีแล้วรีบกล่าวขึ้นว่า: “เรียนองค์หญิง บ่าวไม่ทราบเพคะ”
เฟิ่งชิงหัวกล่าว: “วังหลังของเทียนหลิงดูมั่วซั่วไปหมด หมาบ้าตัวหนึ่งยังสามารถเที่ยวไล่กัดคนได้ตามอำเภอใจ ไว้เดี๋ยวจะต้องทูลฝ่าบาทของเทียนหลิงให้ทรงทราบให้ได้ จะต้องล่ามสุนัขเอาไว้ให้ดี หากกัดถูกคนแล้วจะทำอย่างไรเล่า”
เหลียนซินพยักหน้า: “เพคะองค์หญิง ที่เป่ยเว่ยของพวกเรา สุนัขเช่นนี้ถูกฆ่าทิ้งไปนานแล้ว มิอาจให้มารบกวนแขกได้เป็นอันขาดเพคะ”
เฟิ่งชิงหัวมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น ก็เลยนำพาเหลียนซินเดินไปข้างหน้าต่อ นางในผู้นั้นเดินเข้ามาจะขวางกั้นถูกหนึ่งฝ่ามือของเฟิ่งชิงหัวตบเข้าไปหนึ่งฉาด จากนั้นเซไปหลายก้าวแล้วล้มลงกับพื้นไปเลย
ในตอนนี้ซูเฟลยแน่นอนว่าย่อมไม่แสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจแล้ว หันศีรษะมา มองไปยังเฟิ่งชิงหัว: “องค์หญิงซีหลัน อารมณ์โมโหที่รุนแรง ไม่ทราบว่าหญิงรับใช้ของข้าไปล่วงเกินท่านอย่างไร ท่านถึงได้ลงมือรุนแรงเช่นนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...