เหลียนซินพูดขึ้นด้วยความลังเล : “เช่นนั้น ทำไมพระองค์ถึงไม่ทรงสังหารหม่อมฉัน ไม่กลัวว่าข้าจะเล่าทุกอย่างให้องค์ชายใหญ่ฟังหรือ ?”
“ทุกอย่างอะไรกัน ? เจ้าไม่ได้รู้ฐานะของข้าเสียหน่อย อย่างมากเจ้าก็รู้เพียงว่าข้ามีความเกี่ยวข้องกับหมอเทวดา อีกทั้งข้าดูคนออกอย่างแม่นยำ เจ้าเป็นคนฉลาด รู้จักการเอาตัวรอดเป็นยอดดี ข้าไม่เคยมาที่นี่ และเจ้าเองก็ไม่รู้จักข้า”
เหลียนซินเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวจริง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รีบคารวะแล้วพูดว่า : “สองวันมานี้หม่อมฉันอยู่ข้างกายองค์หญิงตลอดเวลา ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เลยสักนิด”
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า : “เช่นนั้นก็ไปเถอะ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว อีกเดี๋ยวคนและเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงซีหลัน ให้เจ้าแอบบอกข้า จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น”
“เพคะ” เหลียนซินขานรับ
งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงกลางแจ้ง โดยจัดขึ้นภายในสวนเฉาฮั๋ว
เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกไม้ผลิดอก ที่นั่งในงานเลี้ยงทั้งหมด ใช้กระถางดอกไม้ในการจัดแบ่งเป็นชั้น ๆ แต่ละแถวถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้
เฟิ่งชิงหัวมองหาที่นั่งของตนเองแล้วนั่งลง ท่าทางของนางดูเรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง
เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นานนัก ก็มีคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกตำหนักใหญ่ คนผู้นั้นคือองค์หญิงเหออาน นางวิ่งตรงเข้ามาอยู่ข้าง ๆ เฟิ่งชิงหัวอย่างร่าเริง
“พี่ซีหลัน” องค์หญิงเหออานวิ่งตรงเข้ามาอย่างสนิทสนมเป็นพิเศษและคล้องแขนเฟิ่งชิงหัวเอาไว้ ทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก
อย่างไรเสีย เหออานผู้นี่ก็สร้างความวุ่นวายให้กับนางไม่น้อย จนทำให้นางต้องรู้สึกปวดหัวอยู่เรื่อย
แต่ตอนนี้เมื่อยังอยู่ในฐานะของซีหลัน นางจึงต้องจำใจฝืนยิ้มออกมาโดยไม่มีทางเลือก : “องค์หญิงมาแล้วหรือ”
เมื่อองค์หญิงเหออานได้ยินดังนั้นสีหน้าของนางกลับแข็งทื่อ
เฟิ่งชิงหัวสังเกตเห็นถึงความผิดปกติทางอารมณ์ของนางได้ในทันที ในสมองจึงคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ แต่ยังไม่ทันคิดออกว่าจะเอาใจองค์หญิงตัวร้ายผู้นี้อย่างไรดี กลับเห็นองค์หญิงเหออานมีดวงตาแดงก่ำ และแสดงสีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา
“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไป ท่านมีเรื่องใดรีบบอกข้าเร็วเข้า อย่าร้องไห้เช่นนี้สิ”
องค์หญิงเหออานพูดอย่างทุกข์ใจ : “พี่ซีหลัน ท่านยังนึกโทษข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่ โทษที่ข้ารู้ทั้งรู้ว่าท่านชอบพอท่านพี่เจ็ดของข้า แต่กลับยังสนิทสนมกับเจียงหยูหวันเช่นนั้น”
“เปล่านะ เจ้าอย่าคิดมากสิ”
“พี่ซีหลัน ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า เจียงหยูหวันจะเป็นคนเช่นนั้น นางกล้าเหยียบเรือสองแคม หลอกลวงความรู้สึกของพี่ชายทั้งสองของข้า ซ้ำยังหลอกใช้ข้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอีก ช่างเลวทรามต่ำช้าเสียจริง ๆ”
“ข้าไม่ได้ถือสาเลยสักนิด เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ”
“พี่ซีหลัน ข้าไตร่ตรองดีแล้ว ต่อไปท่านจะเป็นสนิทที่สุดของข้า ข้าจะต้องช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน ให้ท่านกับท่านพี่เจ็ดได้อยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น คนอย่างท่านพี่เจ็ดของข้า มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควร” เหออานให้คำมั่นอย่างจริงใจ
รอยยิ้มของเฟิ่งชิงหัวหยุดชะงักทันที : “ไม่ต้องหรอกนะ ข้าคิดได้แล้วว่า ท่านพี่เจ็ดของเจ้ามีพระชายาแล้ว ข้าจึงไม่อยากเข้าไปแทรกกลาง”
เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะพูดจบ เหลียนซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็กระแอมเบา ๆ เพื่อเตือนนาง
หางตาของเฟิ่งชิงหัวเหลือบไปเห็นว่า องค์ชายใหญ่กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกนาง จึงจำต้องกลืนคำพูดประโยคหลังกลับลงไป แล้วเปลี่ยนคำพูดเป็นว่า : “ข้าไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน !”
องค์หญิงเหออานกุมมือของนางเอาไว้ พร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า : “อืม ท่านวางใจเถอะ ท่านจะต้องกลายเป็นพี่สะใภ้เจ็ดของข้าอย่างแน่นอน ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน !”
เฟิ่งชิงหัวทำได้เพียงพยักหน้า มองเห็นองค์ชายใหญ่เดินอ้อมพวกนางไป ถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“องค์หญิง พวกเรานั่งลงเถอะ ยืนอยู่เช่นนี้คงเหนื่อยแย่”
องค์หญิงเหออานหันมองที่นั่งของตนเอง จากนั้นจึงมุ่ยปากแล้วพูดว่า : “ที่นั่งของเราสองคนห่างกันเกินไปแล้ว อีกเดี๋ยวหากข้าอยากพูดคุยกับท่านจะทำเช่นไร ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...