เฟิ่งชิงหัวนั่งอยู่ข้าง ๆ จ้านเป่ยเซียว ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้สัมผัสถูกอีกฝ่าย แต่ก็ยังรู้สึกใกล้ชิดกันเป็นอย่างยิ่ง ช่างไม่เหมือนกับความรู้สึกเดิมเลยสักนิด เขาควรจะอยู่ให้ห่างจากนาง และแทบไม่อยากเห็นนางถึงจะถูก
“ท่านอ๋อง ที่นั่งของท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทำเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะสมนัก” เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยท่าทีเย็นชาอย่างยิ่ง
ทว่า ยังไม่ทันที่จ้านเป่ยเซียวจะเอ่ยปากพูด เฟิ่งชิงหัวก็ถูกองค์หญิงเหออานตบเข้าที่ด้านหลังทันที จนร่างกายของนางกระเด็นไปด้านหน้า และพาดตัวอยู่บนโต๊ะเล็ก
องค์หญิงเหออานพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน : “พี่ซีหลัน ทุกคนต่างรู้จักนิสัยของท่านดี ครั้งแรกที่ท่านพบหน้ากับท่านพี่เจ็ด ก็กล้าขอแต่งงานต่อหน้าพระชายาของเขากับบรรดาขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนแล้ว ตอนนี้ยังจะมัวเหนียมอายอะไรอีก ไม่ง่ายเลยที่ท่านพี่เจ็ดจะยอมนั่งเป็นเพื่อนท่านเพื่อข้า ท่านจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้นะ !”
เฟิ่งชิงหัวอยากจะอธิบาย ว่านางไม่ใช่คนประเภทนั้นจริง ๆ และนางก็ไม่ต้องการโอกาสในครั้งนี้จริง ๆ แต่ทว่า ขณะที่เพิ่งจะอ้าปาก องค์หญิงเหออานก็พูดขึ้นว่า : “ได้ ๆ ๆ ข้ารู้แล้วว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ครั้งนี้คิดจะเปลี่ยนไปเดินในเส้นทางของกุลสตรีดูบ้างใช่ไหมล่ะ ? ก็ได้ ๆ ถ้าเช่นนั้นท่านก็จนสงวนท่าทีต่อไป ข้าขอตัวก่อนนะ ไม่รบกวนแล้ว”
พูดจบ องค์หญิงเหอหนานก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จ
เฟิ่งชิงหัวหันมองไปรอบด้าน
เดิมทีรอบด้านมีกระถางดอกไม้คอยปกคลุมอยู่โดยรอบ ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่ในที่ไกล ๆ ไม่อาจมองเห็นพวกเขาได้ แต่เป็นเพราะเสียงตะโกนดังลั่นขององค์หญิงเหออานเมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างยืนขึ้นมา และแสร้งทำเป็นพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน แต่สายตากลับมองตรงมาที่นางกับจ้านเป่ยเซียวอย่างไม่วางตา
ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวมองตรงไปด้านหน้า ปากแทบจะไม่ขยับ แต่กลับส่งเสียงออกมาจากลำคอ : “ท่านรีบกลับไปนั่งที่ของตนเองเร็วเข้าสิ”
จ้านเป่ยเซียวนั่งตัวตรงอย่างสง่างามอยู่ภายใต้หน้ากาก โดยไม่หันมองนางแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูด
เสียงของเฟิ่งชิงหัวดังขึ้นอีกเล็กน้อย : “ตอนนี้ฐานะของข้าคือองค์หญิงซีหลัน ท่านอย่าเข้าใกล้ข้าขนาดนี้สิ ถึงตอนนั้นหากเสด็จพ่อของท่านสังเกตเห็นเข้าแล้วมีพระราชโองการให้เราสองคนแต่งงานกันจะทำเช่นไร ?”
เฟิ่งชิงหัวยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว นางไม่อยากจะคืนไหมสวรรค์ที่คว้ามาอยู่ในมือได้แล้วกลับไปหรอกนะ ดังนั้นนางจึงหันหน้าไป แล้วหรี่ตาที่ดูเต็มไปด้วยอันตรายพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านหูหนวกหรืออย่างไร ?”
ด้วยเหตุนี้จ้านเป่ยเซียวจึงได้หันหน้ามองนาง : “มีอะไร ?”
“เมื่อครู่สิ่งที่ข้าพูดท่านไม่ได้ยินหรืออย่างไร ?”
“เมื่อครู่เจ้าพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ ? ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย” จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้
คนผู้นี้ คงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สวรรค์ส่งลงมาจริง ๆ !
มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวกำหมัดขึ้นมาแน่น อยู่ในท่าทางที่พร้อมจะระเบิดเพราะหมดความอดทน แต่ทว่า ภายใต้สายตาของผู้คนที่กำลังหันมองมาจากที่ไกล ๆ กลับกลายเป็นว่า องค์หญิงซีหลันไม่อาจสงวนท่าทางของกุลสตรีก่อนหน้านี้เอาไว้ได้อีกแล้ว เมื่อพบกับคนที่ตนเองรู้สึกชอบพออยู่ ก็อยากกระโจนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งในทันที
บรรดาขุนนางต่างซุบซิบนินทากันว่า : “องค์หญิงซีหลันผู้นี้คลั่งไคล้ในตัวอ๋องเจ็ดขนาดไหนกัน บทเรียนที่ได้รับในครั้งก่อนยังไม่เพียงพออีกหรือ ?”
“คงเคยเห็นหน้าตาของท่านอ๋องในสมัยก่อนกระมัง อย่างไรเสียท่านอ๋องเจ็ดก็เคยเป็นบุรุษรูปงามแห่งเทียนหลิงของเรานะ”
“ตอนนี้คนที่ข้านึกเป็นห่วงก็คือองค์หญิงซีหลัน ตอนนี้นางพึ่งพาองค์หญิงเหอหนาน จึงสามารถใกล้ชิดกับอ๋องเจ็ดเช่นนี้ได้ แต่ถ้าหากนางกล้าถึงเนื้อถึงตัวกับท่านอ๋องแล้วละก็ เกรงว่าครั้งนี้คงได้ลอยกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายแน่นอน”
“ท่านอ๋องเจ็ดคงไม่โกรธถึงขั้นบีบคอนางจนตายหรอกนะ ?”
“เป็นไปได้อย่างมาก”
“เฮ้อ มีชีวิตอยู่ไม่ดีหรืออย่างไร ? ถึงต้องท้าทายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เช่นนั้น”
“พวกท่านรีบดูเร็วเข้า นางรนหาที่ตายด้วยการพูดคุยกับท่านอ๋องเจ็ดอีกแล้ว”
“ที่แท้ท่าทางของกุลสตรีล้วนเป็นเรื่องเสแสร้งทั้งนั้น”
ครั้งนี้เฟิ่งชิงหัวกำหมัดแน่นแล้วกวัดแกว่งไปมาต่อหน้าจ้านเป่ยเซียว : “จ้านเป่ยเซียว จะให้โอกาสท่านหนึ่งครั้ง ลุกขึ้น แล้วกลับไปยังที่นั่งของท่านเสีย”
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว : “ท่าทางของเจ้าเช่นนี้ เหมือนกับอะไรบางอย่างเสียจริง ๆ”
“อะไร ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...