“ข้ารู้ว่าท่านพี่เจ็ดของข้านั้นรับมือได้ยาก นิสัยของเขาก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ไม่อาจลงเอยกับเขาได้ ก็ยังไม่ชายอื่นอีกมากมาย ท่านอย่าได้สาปแช่งตนเองเช่นนี้เลย” เหออานพูดปลอบใจ แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงหัวรู้ดีว่า เหออานยังรู้สึกผิดในใจต่อองค์หญิงซีหลัน ก็คงคิดว่านางกำลังใช้คำพูดประโยคนี้ ด่าตนเองทางอ้อมอยู่
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย จึงโบกมือ : “ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็เลิกจับคู่ให้ข้ากับท่านพี่เจ็ดของท่านได้แล้ว ข้าตัดใจแล้ว ท่านอย่าสะกิดแผลใจของข้าอีกเลย ข้าเจ็บ”
“ได้ ๆ ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ท่านรีบนั่งลงเถอะนะ อย่าได้โมโหอีกเลย” องค์หญิงเหออานรีบประคองนางนั่งลง เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของนาง ก็หันหน้าไปมองพี่เจ็ดของตนเอง และพูดขึ้นอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรมว่า : “ท่านพี่เจ็ด ท่านรู้สึกว่าองค์หญิงซีหลันไม่ดีตรงไหนกันแน่ ?”
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ข้าชอบคนอัปลักษณ์”
องค์หญิงเหออานแสดงออกว่า ท่านพี่เจ็ดเพื่อจะปฏิเสธองค์หญิงซีหลันแล้ว สามารถทำได้ทุกอย่างจริง ๆ แม้แต่เหตุผลที่น่าโมโหเช่นนี้ก็ยังคิดออกมาได้
แม้ว่าองค์หญิงซีหลันจะไม่ใช่หญิงที่งดงามที่สุดในโลก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้อัปลักษณ์อย่างแน่นอน
“ท่านพี่เจ็ด” องค์หญิงเหออานยังคิดจะพูดแทนองค์หญิงซีหลัน
“ไปไกล ๆ” ชายหนุ่มทำสีหน้าเย็นชา
“อ้อ” องค์หญิงเหออานรีบพรวดกลับไปนั่งยังที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็ว
“ฝีมือการแสดงไม่เลวเลย” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างเย็นชา
เฟิ่งชิงหัวส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ : “ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงเท่านั้น แต่ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว”
“ในเมื่อโกรธแล้วทำไมเจ้าถึงไม่ไปเสียล่ะ”
เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างสมเหตุสมผล : “งานเลี้ยงยังไม่เริ่มเลยนะ”
“จอมตะกละ”
“ท่านนั่นแหละ”
“อายจนไม่กล้ายอมรับละสิ”
“ปากเสีย”
“สู้เจ้าไม่ได้หรอก”
“แสดงเก่ง”
“เจ้านั่นแหละ”
เฟิ่งชิงหัวจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโมโห : “ท่านอย่าพูดเลียนแบบข้านะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ออกจากงานเลี้ยงสิ” จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้
เฟิ่งชิงหัวทำหน้าบึ้ง : “ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว”
พูดจบ ก็ไม่สนใจเขาอีกจริง ๆ เห็นเขาเป็นเพียงเสาต้นหนึ่งเท่านั้น มองฟ้า มองดิน มองดอกไม้ แต่ไม่มองเขา
ปกติแล้วมีแต่ทำตัวเย็นชาใส่ผู้อื่น แต่ไม่เคยถูกผู้อื่นทำตัวเย็นชาใส่เช่นนี้
จ้านเป่ยเซียวรู้สึกไม่คุ้นชินนัก
ในสมองเอาแต่คิดถึงคำพูดของนางเมื่อครู่ “ใครอยากให้เขามาชอบกัน”
นี่เป็นการแสดงหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่
เขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ?
อ๋องเจ็ดผู้ซึ่งมั่นใจในตนเองมาตลอด เริ่มสงสัยในเสน่ห์ของตนเองขึ้นมา
เพราะสงครามเย็นระหว่างทั้งสองคน ทำให้ตำหนักใหญ่ที่เดิมทีเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก กลับเงียบสงัดลงในทันที
แทบจะไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงพูดและเสียงเดิน
ทุกคนล้วนคิดว่าตอนนี้จ้านเป่ยเซียวอาจกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่แน่ว่าวินาทีถัดมาอาจเกิดการนองเลือดขึ้นก็ได้ จึงไม่มีใครอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับการถูกสังหาร ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
องค์ชายใหญ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม รู้สึกร้อนใจจนเหงื่อท่วมหน้าผาก
เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จน้องของเขาผู้นี้กันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...