พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 268

สรุปบท บทที่ 268 องค์หญิงรนหาที่ตายอีกแล้ว: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว

สรุปเนื้อหา บทที่ 268 องค์หญิงรนหาที่ตายอีกแล้ว – พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว โดย เสี่ยวโหม

บท บทที่ 268 องค์หญิงรนหาที่ตายอีกแล้ว ของ พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี่ยวโหม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“ข้ารู้ว่าท่านพี่เจ็ดของข้านั้นรับมือได้ยาก นิสัยของเขาก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ไม่อาจลงเอยกับเขาได้ ก็ยังไม่ชายอื่นอีกมากมาย ท่านอย่าได้สาปแช่งตนเองเช่นนี้เลย” เหออานพูดปลอบใจ แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจ

หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงหัวรู้ดีว่า เหออานยังรู้สึกผิดในใจต่อองค์หญิงซีหลัน ก็คงคิดว่านางกำลังใช้คำพูดประโยคนี้ ด่าตนเองทางอ้อมอยู่

เฟิ่งชิงหัวรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย จึงโบกมือ : “ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็เลิกจับคู่ให้ข้ากับท่านพี่เจ็ดของท่านได้แล้ว ข้าตัดใจแล้ว ท่านอย่าสะกิดแผลใจของข้าอีกเลย ข้าเจ็บ”

“ได้ ๆ ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ท่านรีบนั่งลงเถอะนะ อย่าได้โมโหอีกเลย” องค์หญิงเหออานรีบประคองนางนั่งลง เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของนาง ก็หันหน้าไปมองพี่เจ็ดของตนเอง และพูดขึ้นอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรมว่า : “ท่านพี่เจ็ด ท่านรู้สึกว่าองค์หญิงซีหลันไม่ดีตรงไหนกันแน่ ?”

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ข้าชอบคนอัปลักษณ์”

องค์หญิงเหออานแสดงออกว่า ท่านพี่เจ็ดเพื่อจะปฏิเสธองค์หญิงซีหลันแล้ว สามารถทำได้ทุกอย่างจริง ๆ แม้แต่เหตุผลที่น่าโมโหเช่นนี้ก็ยังคิดออกมาได้

แม้ว่าองค์หญิงซีหลันจะไม่ใช่หญิงที่งดงามที่สุดในโลก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้อัปลักษณ์อย่างแน่นอน

“ท่านพี่เจ็ด” องค์หญิงเหออานยังคิดจะพูดแทนองค์หญิงซีหลัน

“ไปไกล ๆ” ชายหนุ่มทำสีหน้าเย็นชา

“อ้อ” องค์หญิงเหออานรีบพรวดกลับไปนั่งยังที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็ว

“ฝีมือการแสดงไม่เลวเลย” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างเย็นชา

เฟิ่งชิงหัวส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ : “ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงเท่านั้น แต่ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว”

“ในเมื่อโกรธแล้วทำไมเจ้าถึงไม่ไปเสียล่ะ”

เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างสมเหตุสมผล : “งานเลี้ยงยังไม่เริ่มเลยนะ”

“จอมตะกละ”

“ท่านนั่นแหละ”

“อายจนไม่กล้ายอมรับละสิ”

“ปากเสีย”

“สู้เจ้าไม่ได้หรอก”

“แสดงเก่ง”

“เจ้านั่นแหละ”

เฟิ่งชิงหัวจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโมโห : “ท่านอย่าพูดเลียนแบบข้านะ”

“เช่นนั้นเจ้าก็ออกจากงานเลี้ยงสิ” จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้

เฟิ่งชิงหัวทำหน้าบึ้ง : “ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว”

พูดจบ ก็ไม่สนใจเขาอีกจริง ๆ เห็นเขาเป็นเพียงเสาต้นหนึ่งเท่านั้น มองฟ้า มองดิน มองดอกไม้ แต่ไม่มองเขา

ปกติแล้วมีแต่ทำตัวเย็นชาใส่ผู้อื่น แต่ไม่เคยถูกผู้อื่นทำตัวเย็นชาใส่เช่นนี้

จ้านเป่ยเซียวรู้สึกไม่คุ้นชินนัก

ในสมองเอาแต่คิดถึงคำพูดของนางเมื่อครู่ “ใครอยากให้เขามาชอบกัน”

นี่เป็นการแสดงหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่

เขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ?

อ๋องเจ็ดผู้ซึ่งมั่นใจในตนเองมาตลอด เริ่มสงสัยในเสน่ห์ของตนเองขึ้นมา

เพราะสงครามเย็นระหว่างทั้งสองคน ทำให้ตำหนักใหญ่ที่เดิมทีเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก กลับเงียบสงัดลงในทันที

แทบจะไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงพูดและเสียงเดิน

ทุกคนล้วนคิดว่าตอนนี้จ้านเป่ยเซียวอาจกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่แน่ว่าวินาทีถัดมาอาจเกิดการนองเลือดขึ้นก็ได้ จึงไม่มีใครอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับการถูกสังหาร ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

องค์ชายใหญ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม รู้สึกร้อนใจจนเหงื่อท่วมหน้าผาก

เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จน้องของเขาผู้นี้กันแน่

ไข่มุกราตรี !

ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่มุกราตรี กำลังอยู่ในมือของชายหนุ่มอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มใช้นิ้วมือสัมผัสเป็นระยะ ๆ ไข่มุกก็ส่องแสงประกายแวววาวออกมา

ต้องเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน !

เฟิ่งชิงหัวจ้องมองด้วยแววตาที่เป็นประกาย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า : “นี่ท่าน คิดจะมอบไข่มุกราตรีเม็ดนั้นให้กับข้าหรือ ?”

จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกลำพองใจ

หึ สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับข้าด้วยตัวเอง

ถึงแม้จะรู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่กลับพูดออกมาด้วยท่าทีเย็นชา : “ไม่ต้องมาพูดกับข้า”

หยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวไม่สนใจว่าตนเองจะเคยพูดอะไรเอาไว้ นางจำได้เพียงว่า จ้านเป่ยเซียวเคยพูดว่าจะมอบไข่มุกราตรีให้กับนาง นี่เป็นสิ่งที่นางต้องแลกมาด้วยการเสียสละเตียงนอนไปครึ่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับ

“อืม ไม่พูดก็ไม่พูด ถ้าเช่นนั้นท่านก็มอบมันให้ข้าสิ ?” สายตาของเฟิ่งชิงหัวค่อย ๆ จับจ้องไปที่ไข่มุกราตรี แม้กระทั่งร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้จ้านเป่ยเซียว

นางไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า การกระทำของนางในตอนนี้ ในสายตาของคนนอกที่มองมา เรียกได้ว่ากำลังรนหาที่ตายชัด ๆ

จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว : “ข้าเข้าใกล้ข้าขนาดนั้น !”

“เช่นนั้นท่านก็มอบมันให้ข้าสิ ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะมอบให้ข้า ?” เฟิ่งชิงหัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนใจเล็กน้อย

“ที่บอกว่าจะให้เจ้า นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ข้ากับเจ้าไม่สนิทสนมกัน หากมอบขอให้เจ้าแล้ว ถ้าหากถูกคนอื่นเห็นเข้า ก็คงคิดว่าข้ามีความรู้สึกบางอย่างต่อองค์หญิงซีหลันเป็นแน่” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างเคร่งขรึม

“เช่นนั้นให้ข้าดูก่อนก็ได้”

“ใกล้เกินไปแล้ว !” จ้านเป่ยเซียวพูดขึ้นอย่างยโส น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรังเกียจ

“อืม ไม่ใกล้ ๆ ข้าก็แค่อยากดูว่าไข่มุกราตรีมีขนาดใหญ่แค่ไหนกันแน่ ไม่รู้ว่ามือของข้าเพียงข้างเดียว จะกุมเอาไว้ได้หมดหรือเปล่า” ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวแทบอยากจะจ้องเขม็งไปยังไข่มุกราตรี แต่ทว่า จ้านเป่ยเซียวกลับพลิกข้อมือแล้วเก็บไข่มุกราตรีเม็ดนั้นกลับเข้าไปในอกเสื้อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว