เฟิ่งชิงหัวยิ้มเศร้า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว”
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ต้องการให้นางทำแล้ว ตัวนางเองก็ทำไม่ได้ เช่นนั้นนางจะเหนื่อยเพื่ออะไร
“ลูกรัก อย่าเศร้าใจ เจ้าทำอาหารอร่อย ไม่มีหลักการที่ว่าจะฝึกตัดเย็บเสื้อผ้าไม่ได้ แม่เชื่อว่าแม่สามารถสอนลูกได้” หยูจีกำหมัดแน่นให้กำลังใจเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวยิ้มเศร้า “ไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้จำต้องทำให้ได้ แต่ตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรแล้ว”
“ลูกอย่าถอดใจเลย ฝึกสองครั้งก็ทำได้แล้ว พวกเราห้ามเป็นคนยอมแพ้กลางทาง ทุกอย่างที่ทำต้องทำให้เสร็จ!” หยูจียังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง
เฟิ่งชิงหัวรู้ว่านางไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้ แต่เพื่อไม่ทำลายแรงจูงใจของนาง จึงพยักหน้า “ก็ได้ ช่วงนี้ข้ายุ่ง รอข้าว่างก่อนค่อยทำ”
“อื้ม เช่นนั้นก็ดี อ๊า ม่านเฉ่ายกข้าวมากแล้ว พวกเรากินข้าวกันเถอะ กินข้าวเสร็จถึงจะมีแรงทำงาน”
ทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน กิริยาของหยูจีสง่างาม ทว่าความเร็วในการคีบอาหารกลับไม่ช้า
ทั้งยังสามารถรักษาความถี่ แล้วยังสามารถรักษามารยาทในการทานอาหาร เฟิ่งชิงหัวที่เดิมทีเศร้าใจเวลานี้อารมณ์ดีขึ้นมา กินข้าวไปสองถ้วยโดยไม่รู้ตัว
หลังจากกินข้าวเสร็จ หยูจีอิ่มเล็กน้อย เฟิงชิงหัวพานางไปเดินย่อยอาหาร
หยูจีในตอนนี้เหมือนเด็กอายุหกเจ็ดขวบ ไม่อาจอยู่นิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว
ก่อนหน้านี้ยังจับมือเฟิงชิงหัวเดินแล่น เดินไปเดินมากลับสะบัดมือทิ้ง ประเดี๋ยวเหยียบพื้นหินตามทาง ประเดี๋ยวเด็ดดอกไม้
เล่นอย่างมีความสุข
เฟิ่งชิงหัวมองตามหลังนาง สายตามองไปที่เรือนหลักเป็นครั้งคราว
ตอนกลางคืนหลังจากหยูจีเข้านอน เฟิ่งชิงหัวล้างหน้าแปรงฟันกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง
ทั้งที่เตียงทั้งนุ่มและกว้าง แต่นางกลับนอนไม่ค่อยหลับ กลิ้งตัวไปมา พลิกตัวไปมา
นอนไปนานสามชั่วยามแล้วแต่ยังคงไม่ง่วง อย่างไม่รู้ตัวนางหยิบผ้าออกมาจากตู้ จุดเทียน เริ่มเย็บปักภายใต้แสงเทียนสลัว
เย็บแผลกับเย็บเสื้อผ้าไม่เหมือนกัน เฟิ่งชิงหัวควบคุมน้ำหนักมือได้ไม่ดีเท่าใดนัก ด้วยความไม่ระมัดระวังเข็มที่ทิ่มผ่านเนื้อผ้าจึงปักโดนมือนาง
ไม่ง่ายเลยกว่าจะเย็บแขนเสื้อได้ เมื่อมองอีกด้านหนึ่ง กลับพบว่าชายกางเกงมีขนาดใหญ่ ทั้งยังนูนต่ำไม่สม่ำเสมอ ไม่เรียบแม้แต่น้อย นางต้องแกะออกแล้วเย็บใหม่
เป็นเช่นนี้ เย็บอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็เจอเคล็ดลับแล้ว ตอนที่เย็บแขนเสื้อเสร็จ ฟ้าเกือบสว่างแล้ว
เฟิ่งชิงหัวล้มตัวลงนอนบนเตียง นอนกระทั่งเที่ยง ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งคือตอนที่หยูจีปลุก
“ชิงหัว ชิงหัว รีบมาทานอาหารเร็ว แม่หิวแล้ว” มือของหยูจีที่ยื่นไปจับเฟิ่งชิงหัวส่ายไปมา เห็นนางยังคงง่วง จึงคลานขึ้นไปบนเตียง ใช้ผมของตนเองจักจี้หน้าของอีกฝ่ายไม่หยุด
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นด้วยความจนปัญญา มองมารดาของตนเอง “ท่านแม่ เหตุใดจึงตื่นเช้าเช่นนี้?”
“เช้า? ตะวันโด่แล้ว เหตุใดเจ้าจึงนอนเก่งเช่นนี้ ไม่เหมือนข้าแม้แต่น้อย ข้าเข้านอนเร็วและตื่นเช้า” ขณะที่หยูจีหัวเราะเยาะเฟิ่งชิงหัวไม่ลืมที่จะชื่นชมตนเอง
เฟิ่งชิงหัวเกาะศีรษะแล้วลุกขึ้น ขานรับ “เจ้าค่ะ ข้าจะไปทำเดี๋ยวนี้”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เพิ่งคิดขึ้นได้ โรงครัวเล็กไหม้ไปแล้ว ไม่อาจใช้งานได้แล้ว
เฟิ่งชิงหัวครุ่นคิด นำวัตถุดิบไปที่เรือนเล็กหลังเดิมพร้อมกับหยูจี ให้หยูจีเล่นในเรือน ส่วนตนทำอาหารในห้องครัว
หยูจีเล่นตามลำพังรู้สึกเบื่อหน่าย เห็นเฟิ่งชิงหัวยังคงทำอาหาร จึงวิ่งออกไปจากเรือน
นางไม่รู้ทาง วิ่งไปมั่ว สุดท้ายองครักษ์ในจวนถาม จึงรู้ว่านางมาหาท่านอ๋อง ด้วยเหตุนี้จึงพานางไปที่เรือนหลัก
หลิวหยิ่งในเวลานี้กำลังเฝ้าหน้าประตู เมื่อเห็นหยูจีเดินตามหลังองครักษ์มา จึงรีบไปถาม “ฮูหยินมาที่นี่มีธุระใดหรือขอรับ?”
“อ่อ ข้ามากินข้าวกับลูกเขย” หยูจีพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ
เพราะเหตุการณ์เมื่อวาน หลิวหยิ่งไม่กล้าตัดสินใจแทนนายของตนง่ายๆ ด้วยเหตุนี้จึงบอกให้หยูจีรออยู่ข้างนอก ส่วนตนเข้าไปในห้อง
ภายในห้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมนานแล้ว ไม่มีความวุ่นวายของเมื่อวานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...