จ้านเป่ยเซียวจ้องไปยังเฟิ่งชิงหัว เห็นสีหน้าของนางจริงจัง ความสงสัยก็ยังแขวนอยู่บนใบหน้า เขาก็เลยผิดหวังอยู่บ้างเล็กน้อย อีกทั้งยังนับว่าทำให้ถอนหายใจออกมาได้ ก็เลย “อืม” ออกมาสั้นๆ คำหนึ่ง
“ก็ได้ เจ้าดื่มยาในตอนที่ยังร้อนอยู่ไปก่อน ข้านวดให้เจ้าเสร็จแล้วค่อยไปดูสถานการณ์ของเขา”
จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้วแล้วก็ดื่มยาจนหมด เฟิ่งชิงหัวก็เลยรับข้ามมือมาแล้วกล่าวว่า: “งั้นเริ่มใหม่แล้วนะ เจ้าอย่าตื่นเต้นจนเกินไป”
ในขณะที่พูดอยู่ก็เริ่มจับไปยังจุดชีพจรใหม่อีกครั้งตั้งแต่เริ่มเลย
ก็ยังคงมีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อครู่อยู่ดี แต่ว่าครั้งนี้จ้านเป่ยเซียวกลับไม่ใช่อึมครึมและไม่ส่งเสียง แต่กลับเริ่มพูดคุยออกมาทันที
“เฟิ่งชิงหัว มือของเจ้าทำไมถึงได้หนักเช่นนั้น” จ้านเป่ยเซียวไม่พอใจ
“แรงที่ลงไปก็เหมือนเดิม เป็นเพราะยาได้ซึมซาบเข้าไปในร่างของเจ้าแล้ว ดังนั้นความเจ็บปวดก็เลยยิ่งหนักขึ้นอีก” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างละเอียด
“เฟิ่งชิงหัว เจ้าจะลอบสังหารสวามีตัวเองหรือไง?” จ้านเป่ยเซียวซื้ดไปหนึ่งคำ
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง ลอบสังหารเจ้า ข้าไม่กลายเป็นนักโทษไปเหรอ เจ้าทนเอาหน่อย นวดเสร็จก็ดีขึ้นแล้ว” เฟิ่งชิงหัวกล่าวปลอบใจ
“เฟิ่งชิงหัว เจ้าสำรวมหน่อย จะนวดก็นวดให้ดีๆ อย่าลูบคลำส่งเดช” สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวยากแค้นแสนเข็ญ เพียงแต่ว่าใส่หน้ากากเอาไว้มองไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาก็เข้มขึ้นอีกด้วย
เนี่ยหานซิงที่ถูกยังโดยฉากกั้นลมไว้แม้ว่าจะไม่เห็นฉากอีกด้านหนึ่ง แต่ว่าแค่ฟังน้ำเสียงนั้นก็รู้สึกว่าตนเองอยู่ตรงนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนเกินไปเลย
ที่แท้คนผู้นั้นที่อยู่อีกด้านหนึ่งของฉากกั้นลมเป็นสามีของอาจารย์ งั้นก็ควรจะเป็นอาจารย์อาของเขาน่ะสิ
พวกเขาดูไปแล้วเหมือนว่าจะรักใคร่กันมาก ตอนนี้รูปลักษณ์ของอาจารย์แตกต่างอย่างมากกับรูปลักษณ์ยากจะหยั่งลึกก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นพบเจอมาก่อนเลย
เนี่ยหานซิงก็เลยอดที่จะสงสัยอยู่บ้างไม่ได้ ชายที่สามารถอภิเษกกับอาจารย์ได้นั้นที่แท้แล้วเป็นใครกัน ควรจะเป็นหงส์หรือมังกรในฝูงชนเป็นแน่
แม้ว่าจะได้เพียงไม่กี่ประโยค แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของพลังอำนาจของคนผู้นั้น
เฟิ่งชิงหัวหนึ่งฝ่ามือกดลงไปบนบ่าของฝ่ายชาย เปล่งเสียงดังสนั่นขึ้นมา
“คำพูดไร้สาระของเจ้าทำไมถึงได้เยอะเช่นนั้น ทนเอา!” เฟิ่งชิงหัวถูกเขาเอะอะโวยวายจนไม่ไหว
จ้านเป่ยเซียวขบกราม: “ไม่ใช่เจ้าบอกว่าอย่าทนหรือ ตอนนี้ก็ให้ทนอีก ผู้หญิงอย่างเจ้าเช่นนี้ทำไมถึงได้กะล่อนเช่นนี้!”
“เมื่อครู่ข้าให้เจ้าทนคืออย่าเกร็งกล้ามเนื้อในร่างกาย เช่นนี้ข้าหาจุชีพจรไม่ง่ายเลย ตอนนี้ให้เจ้าทนคือเพราะว่าเจ้าโวยวายเกินไป ด้านข้างยังมีคนอยู่ เจ้าร้องซะขนาดนี้ คนอื่นยังคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าอีก” สีหน้าของเฟิ่งชิงหัวเปี่ยมไปด้วยการไร้ซึ่งคำพูดใด
จ้านเป่ยเซียวเปล่งวาจาเย็นชาออกมา: “ในเมื่อรู้ว่าไม่ดี เจ้าก็ไม่ควรนำคนเข้ามาในนี้”
เขาเป็นคนรักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยแช่น้ำกับคนอื่นเลย แม้ว่าในตอนนี้มีฉากกั้นลมบังเอาไว้อยู่ แต่ยังไงก็ยังอยู่ใต้ชายคาห้องเดียวกัน ในใจของเขาย่อมไม่สบอารมณ์เป็นแน่
เฟิ่งชิงหัวยื่นมือไปอุดปากของเขาเอไว้แน่น: “เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ”
ถูกมือที่เปียกปอนอีกทั้งยังอาบกลิ่นยาไว้อย่างเข้มข้นของนางมาอุดไปที่ปากแน่น จ้านเป่ยเซียวจ้องมาที่นางอย่างโมโห สายตานั้นอยากจะฆ่าคนเลย
เฟิ่งชิงหัวค่อยๆ ปล่อยมือออก: “ใจร้อนไปชั่วขณะ ฮ่าๆ อย่าสนใจกับรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้เลย ตอนนี้เจ้าทั้งตัวก็มีแต่กลิ่นประมาณนี้ไม่ใช่หรือ เมื่อครู่ที่ดื่มลงไปก็ไม่ได้ต่างกันมาก”
รอจนนวดครบกระบวนการเสร็จสิ้นหนึ่งรอบ เฟิ่งชิงหัวเหนื่อยจนมือทั้งสองข้างยกไม่ขึ้น เช็ดมืออย่างขอไปทีแล้วกล่าวว่า: “เจ้าแช่ไปอีกสิบห้านาทีก็ลุกขึ้นได้แล้ว ข้าจะข้ามไปดูสถานการณ์ทางนั้นหน่อย”
“ดูอะไรนักหนา ในนี้มีเพียงเจ้าที่เรียนแพทย์มาคนเดียวหรือไง?” จ้านเป่ยเซียวสบตาด้วยความโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...