เฟิ่งชิงหัวดึงหยูจีแล้วก็เดินอ้อมจ้านเป่ยเซียวไป ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศกลุ่มก้อนหนึ่งก็ไม่ปาน
พอเข้าไปในห้อง เฟิ่งชิงหัวก็กล่าวออกมาทันทีว่า: “ท่านแม่ ต่อไปตอนที่พวกเราวิจารณ์คน จะปิดประตูไว้แล้วค่อยวิจารณ์ได้ไหม การพูดนินทางคนลับหลังแล้วถูกจับได้ มันช่างอึดอัดวางตัวไม่ถูกเอาเสียเลยจริงๆ นะ”
หยูจีกล่าวอย่างสงสัยว่า: “งั้นข้าก็ไม่ใช่ว่าจะต้องจงใจจะชมเชยเขาต่อหน้าลูกเขยข้างั้นหรือ เป็นเขาเองที่ได้ยินเข้าพอดี อีกอย่างเป็นเจ้าที่กล่าวนินทาเขา ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย”
เฟิ่งชิงหัวถูกซัดกลับจนจุกพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเลย
“เร็วเข้า อย่าอ้อยส้อยเลย มาเถอะ พวกเรามาเริ่มเย็บชุดกันเถอะ รีบไปหยิบออกมาเร็ว ข้าจะสอนเจ้า” หยูจีกล่าวออกมาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ใบหน้าของเฟิ่งชิงหัวเปี่ยมไปด้วยความจนปัญญา: “พรุ่งนี้เถอะ คืนนี้ก็ช่างมันไปเถอะ”
“ช่างอะไรกัน ธุระของวันนี้ก็ต้องจบสิ้นวันนี้ วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้าเป็นให้ได้ พรุ่งนี้เจ้าก็เย็บๆ ปะๆ ด้วยตัวเองเถอะ ข้าก็ไม่ได้มีเวลาทั้งวันจะมาเป็นเพื่อนเจ้านะ”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย นี่นางกำลังโดนรังเกียจงั้นหรือ?
เมื่อกี้ตอนที่ให้นางทำอาหาร ท่านแม่ของนางไม่ได้พูดเช่นนี้นี่นา ไม่ใช่ตกลงกันไว้ว่าจะพึ่งพาซึ่งกันและกันหรือ
เฟิ่งชิงหัวได้เพียงก้มศีรษะลงและถอนหายใจ จากนั้นก็ไปอุ้มผ้าที่เป็นผืนๆ ออกมาก้อนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ จ้านเป่ยเซียวก็ได้เลื่อนเก้าอี้รถเข็นเข้ามาอยู่ แล้วก็นั่งลงตรงที่ไม่ได้ไกลจากคนทั้งสองมากนัก
หลิวหยิ่งรีบนำชุดชงชาของเขาย้ายเข้ามาในทันที เข้าก็เริ่มชงชาอย่างเคยชินเช่นนี้ขึ้นมา
เฟิ่งชิงหัวเกรงว่าอีกประเดี๋ยวตอนที่ถูกหยูจี “ชี้แนะ” นั้นจะถูกเขาได้ยินเข้า ก็รีบกล่าวว่า: “เจ้าจะชงชาก็หลับไปชงในที่ของเจ้า พวกเราทางนี้ยุ่งมาก ไม่ว่างดูเจ้าแสดงหรอก”
จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างแน่นิ่ง: “ข้าเข้ามาสำรวจงาน มีปัญหาหรือ?”
“ชุดเก่าๆ ชุดหนึ่ง มีอะไรน่าสำรวจงานด้วย เจ้ารีบออกไปเร็ว”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะใช้แผนต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายเสียอีก” จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ยังไงฝีมือเย็บปักถักร้อยของเจ้าก็แย่พอตัว ยากรับประกันว่าจะไม่ขอให้แม่ยายช่วย หรือให้หญิงรับใช้ทำให้เสร็จในตอนที่ไม่มีคนเห็น ข้าต้องให้แน่ใจว่าแต่ละเข็มแต่ละด้ายเป็นเจ้าที่ลงมือจัดการเองทั้งหมด”
“เจ้าจะดูก็ดู ให้ดีอย่าพูดคุยอยู่ทางด้านนั้นทำลายสมาธิช้า พอถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ระวังปักเข็มไปหลายเข็มอยู่ด้านในแล้วไปทิ่มถูกเจ้าตายล่ะ!” เฟิ่งชิงหัวกล่าวข่มขู่
เพิ่งจะพูดจบก็ถูกท่านแม่ของตนตบไปบนท้ายทอยหนึ่งฝ่ามืออย่างไม่เห็นแก่หน้าแม่แต่นิดเลย
“พูดอะไรของเจ้าน่ะ แม่ของเจ้าอย่างข้าจะไปสอนให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็อายตายเลย” หยูจีกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ
“ใช่ๆๆ ท่านผู้อาวุโสพูดถูก ท่านสอนมาเถอะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างจนปัญญาเล็กน้อย
หยูจีหยิบเอาแขนเสื้อครึ่งท่อนที่เฟิ่งชิงหัวเย็นเอาไว้ขึ้นมา อดที่จะกล่าวเหน็บแนมไม่ได้ว่า: “นี่เป็นเจ้าเองที่เย็บอันนี้ กระสอบยังจะประณีตละเอียดกว่าเจ้าเลย เจ้าดูนี่ รูหนึ่งใหญ่ขนาดนี้”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวเสียงเบาๆ ออกมาว่า: “เนื้อผ้าอันนี้อ่อนเกินไป ข้าแสดงฝีมือได้ไม่ดี”
“งั้นเจ้าจะแสดงฝีมืออะไร? เย็นหนังสัตว์หรือ? ข้าจะต้องหาปอกนิ้วให้เจ้าสองอันด้วยไหม?” หยูจีขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา
สีหน้าท่าทางของเฟิ่งชิงหัวไม่พอใจ แต่สายตากลับตวัดไปทางด้านจ้านเป่ยเซียวตามสัญชาตญาณในทันที เห็นว่าเขาดูเหมือนว่าจะไม่สนใจฟัง คราวนี้ก็เลยโล่งใจได้เปลาะหนึ่ง
และวินาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียงฉีกผ้าดังขึ้น แขนเสื้อครึ่งหนึ่งที่เย็นไปแถวหนึ่งนั้นซึ่งอยู่ในมือของหยูจีก็ถูกฉีกเป็นเส้นออกมา
“อ้า! ข้าเย็บตั้งนานแน่ะ” เฟิ่งชิงหัวรู้สึกเสียดายขึ้นมาจับใจ
“แค่รูใหญ่เท่าดวงตานี้เจ้าก็เย็บนานมาก เจ้านี่ไม่ไหวเลยจริงๆ ดูว่าข้าเย็บยังไง” ทันใดนั้นหยูจีก็กลายร่างเป็นอาจารย์ผู้ชี้แนะที่เข้มงวด หยิบผ้าผุๆ สองชิ้นมาแสดงให้เฟิ่งชิงหัวดู
ก็เห็นเข็มเงินนั้นวนไปมาสลับกัน ผ้าสองชิ้นก็ผนึกเข้าหากันแล้ว พลิกไปด้านหน้ามองไม่เห็นรอยตะเข็บแม่แต่นิดเลย ปิดรอยได้ราวกับเอากาวมาติดไม่มีผิดเลย
มือของเฟิ่งชิงหัวลูบคลำอยู่บนนั้น ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยความแปลกใจ
“ตาเจ้าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...